ความหวังเดียว [แมนฯยู]

35

[ บนอัฒจันทร์ฝั่งอีสต์สแตนด์ ]
ตอน : ความหวังเดียว

ดูเหมือนว่าเวลานี้ศึกพรีเมียร์ ลีก ที่เหลืออยู่ราว ๆ 8-10 นัดก็จะจบฤดูกาล ท่ามกลางระยะเวลาที่นับถอยหลัง โอกาสของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะคว้าโควต้าแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าก็ลดน้อยถอยลงเช่นเดียวกัน

ก่อนเกมกับเลสเตอร์เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น แมนฯ ยูไนเต็ดมี 50 คะแนน จาก 29 นัด หากพวกเขาอยากจะติดอันดับสี่ในตารางพรีเมียร์ ลีก พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเปิดบ้านถลกหนังฝูงจิ้งจอกให้ได้สถานเดียว เนื่องจากคู่แข่งแย่งอันดับสี่โดยตรงอย่างอาร์เซน่อลมี 54 คะแนน แถมยังแข่งน้อยกว่าพลพรรคปีศาจแดงอยู่ 1 นัด

แต่พอแมนฯ ยูไนเต็ดทำได้เพียงแค่เปิดโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ดเสมอเลสเตอร์ 1-1 ทำให้แต้มยังตามอาร์เซน่อลอยู่ 3 คะแนน แถมยังแข่งมากกว่าทีมปืนใหญ่อยู่อีกถึง 2 นัดด้วยกัน ทำให้ถ้าเกิดว่าอาร์เซน่อลชนะในนัดตกค้าง 2 นัดที่เหลือ พวกเขาจะมี 60 แต้ม นำแมนฯ ยูไนเต็ด 9 แต้มเต็ม ขณะที่จะเหลือจำนวนนัดในการแข่งขันเท่ากัน

ช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้ตาม 9 แต้มถือว่าค่อนข้างเยอะทีเดียว และยิ่งทีมนำหน้ามีชื่อว่าอาร์เซน่อลด้วยแล้ว ทำให้การไล่ล่าอันดับสี่ยิ่งยากขึ้นไปอีก นี่ยังไม่นับท็อทแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ยังคั่วอันดับสี่อยู่อีกทีมหนึ่งด้วย

ดังนั้นนาทีนี้แฟนปีศาจแดงคงต้องทำใจไว้ก่อนล่วงหน้าเลยว่ามีโอกาสสูงมากที่ทีมรักจะพลาดการติดอันดับสี่ ไม่ได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า และช่วงปิดฤดูกาลนี้ก็อาจจะยากที่จะมีนักเตะบิ๊กเนมเดินเข้าสู่รั้วโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด

ช่วงปิดฤดูกาลนี้ สิ่งที่แฟนผีแดงทั่วโลกพอจะคาดหวังได้มากที่สุด และเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด นั่นก็คือกุนซือถาวรคนใหม่ ที่อาจจะเข้ามาพลิกชีวิตสโมสรให้กลับไปสู่ในจุดที่ควรจะเป็น

ในเมื่อทุกอย่างมันดูมืดมนไปหมด ทั้งนักเตะ ทั้งผู้บริหาร ทั้งสถานการณ์ของทีมในปัจจุบัน บางทีกุนซือคนต่อไปที่จะก้าวเข้ามาในสโมสรอาจจะเป็นแสงสว่างที่ทำให้ทุกอย่างมันคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

หลายคนอาจจะมองว่า ต่อให้ได้กุนซือฝีมือระดับเทพประทานขนาดไหน ถ้ายังมีบอร์ดบริหารแบบนี้ทีมก็คงไปไหนได้ไม่ไกลอยู่ดี แต่ผมเชื่อว่า หากแมนฯ ยูไนเต็ดได้กุนซือที่ลงตัวและทำผลงานได้ดีกับทีมได้จริง ๆ สามารถคุมนักเตะได้อยู่หมัด รวมใจทุกคนในทีมไว้ได้ อย่างไรเสียบอร์ดก็ต้องฟังเสียงกุนซืออย่างแน่นอน

และในที่สุด เมื่อนโยบายของสโมสรขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันกับการคุมทีมของผู้จัดการทีมแล้ว เชื่อว่าแมนฯ ยูไนเต็ดก็จะสามารถกลับขึ้นมาเป็นทีมหัวตารางได้อย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียที

ตัวอย่างไม่ต้องไปดูทีมอื่นไกล ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ นโยบายการซื้อขายผู้เล่นของสโมสร ถูกกำหนดโดยผู้เป็นกุนซือ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคล็อปป์ และ เป๊ป พวกเขาเสียงดังมากพอที่จะทำให้ผู้บริหารของทั้งสองสโมสรเงี่ยหูฟังได้ และทั้งสองสโมสรก็เดินไปในทิศทางที่ถูกที่ควร ไล่ล่าความสำเร็จอย่างที่เราได้เห็นกัน

พวกเขาสามารถทำให้บอร์ดจ่ายเงินซื้อนักเตะที่พวกเขาต้องการจริง ๆ ได้ ทั้งสองคนสามารถสะกดบอร์ดบริหารให้ทำหน้าที่อย่างที่บอร์ดบริหารควรจะทำเท่านั้น ไม่มากเกินจำเป็น คนที่จะทำให้บอร์ดบริหารที่เป็นมหาเศรษฐีไม่ล้วงลูกแบบนี้ได้ ก็ต้องเป็นกุนซือระดับฝีมือจริง ๆ ที่บอร์ดยังต้องยำเกรง ซึ่งแฟนแมนฯ ยูไนเต็ด ก็หวังว่ากุนซือคนใหม่ก็จะอยู่ในข่ายนี้เช่นกัน

ช่วงปิดฤดูกาลนี้แหละ ที่เราจะได้เห็นดำเห็นแดงกันเสียที และมั่นใจว่า 12 กรกฎาคมนี้ ที่ราชมังคลากีฬาสถาน คนที่จะนั่งข้างสนามในฐานะผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่ใช่ ราล์ฟ รังนิค แน่นอน

———————
…[“ ท่านชายในสายหมอก ”]…

Cheerball

แบ่งปัน