ปอร์โต้ เพิ่งปล่อยหลุยส์ ดิอาซ ไปร่วมทีมลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 45 ล้านยูโร แต่นี่ไม่ใช่นักเตะค่าตัวแพงคนแรกที่พวกเขาทำกำไรได้จากการปั้นแล้วขาย
ดานิโล – เรอัล มาดริด (31.5 ล้านยูโร)
ปอร์โต้คว้าตัวแบ็คขวาบราซิเลียนมาร่วมทีมในราคา 13 ล้านยูโร ก่อนจะยึดตัวจริงทางฝั่งขวาได้อย่างรวดเร็ว
ในปี 2015 แบ็คสองข้างของปอร์โต้ถูกยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปจ้องตาเป็นมัน โดยอเล็กซ์ ซานโดร แบ็คซ้ายย้ายไปร่วมทัพยูเวนตุส ในขณะที่ดานิโล ถูกเรอัล มาดิดยื่นข้อเสนอ 31.5 ล้านยูโร คว้าตัวไปร่วมทีม
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถเบียดดานี การ์บาฆาลได้มากนัก จนต้องย้ายไปเล่นกับแมนฯ ซิตี้ และก็เป็นอีกครั้งที่เขาถูกรัศมีของไคล์ วอล์คเกอร์ บดบัง จนต้องย้ายไปประสานงานกับอเล็กซ์ ซานโดรอีกครั้งที่เบียงโคเนรี
แจ็คสัน มาร์ติเนซ – แอตฯ มาดริด (35 ล้านยูโร)
ดาวยิงชาวโคลอมเบีย ยิงทะลุ 20 ประตูทุกฤดูกาล ในสีเสื้อปอร์โต้ จนตกเป็นข่าวอย่างหนักกับอาร์เซนอล แต่สุดท้ายเป็นแอตเลติโก้ มาดริด ที่ปาดหน้าคว้าตัวไปร่วมทีม
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถปรับตัวกับลีกสเปนได้ จนถูกปล่อยไปให้กวางโจว ภายในเวลาเพียง 6 เดือน
อังเดร ซิลวา – เอซี มิลาน (38 ล้านยูโร)
หัวหอกดาวรุ่งถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ หลังการจากไปของแจ็คสัน มาร์ติเนซ และเขาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงจนไปเตะตาเอซี มิลาน
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวไม่สามารถสานต่อฟอร์มเก่งได้ จนถูกปล่อยต่อไปให้เซบีญา, ไอทรัค แฟรงก์เฟิร์ต และไลป์ซิกในปัจจุบัน
ฟาบิโอ ซิลวา – วูล์ฟส์ (40 ล้านยูโร)
ปอร์โต้ไม่เคยขาดกองหน้าฝีเท้าดี และก็เป็นอีกครั้งกับฟาบิโอ ซิลวา ที่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้เพียงฤดูกาลเดียว ก็โดนวูล์ฟส์ทุ่มเงินกว่า 40 ล้านยูโรคว้าตัวมาลาตาข่าย
ปัจจุบันเขายังอยู่ในถิ่นโมลินิวซ์ แต่ต้องตกเป็นตัวสำรอง เพราะยังไม่สามารถทำประตูได้คุ้มกับค่าตัวเลย
ราดาเมล ฟัลเกา – แอตฯ มาดริด (40 ล้านยูโร)
กองหน้าชาวโคลอมเบีย สร้างชื่อกับริเวอร์เพลต ก่อนย้ายมาสานต่อความยอดเยี่ยมกับปอร์โต้ พร้อมกับเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยพาทีมคว้าแชมป์ยูโรป้าลีก 2010/11
หลังจากนั้น เขาก็ย้ายไปเป็นดาวยิงตัวหลักของทั้งตราหมี และโมนาโก ก่อนที่จะย้ายมาค้าแข้งแบบยืมตัวในพรีเมียร์ลีกกับแมนฯ ยูฯ และเชลซี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ปัจจุบันในวัย 35 ปี เจ้าตัวกลับไปค้าแข้งในลาลีกาอีกครั้ง ด้วยการเป็นกำลังหลักของราโย บาเยกาโน
ฮัลค์ – เซนิต (40 ล้านยูโร)
กองหน้าจอมแกร่ง มีทั้งพละกำลังและความเฉียบคมในการทำประตู จนมีข่าวเชื่อมโยงกับหลายทีมในยุโรป แต่สุดท้ายเป็นเซนิต ที่ได้ตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร
เขายังคงทำผลงานได้ดีในแดนรัสเซีย จนถูกเซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ดึงตัวไปเสริมทัพ พร้อมมอบค่าเหนื่อยกว่า 320,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และหลังจากหมดสัญญา เจ้าตัวก็กลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดกับแอตเลติโก้ มิไนโร
ฮาเมส โรดริเกวซ – โมนาโก (40 ล้านยูโร)
วอนเดอร์คิดผู้ฉายแววเด่นเกินอายุ และเป็นโมนาโกที่เห็นพรสวรรค์ของเขา จึงจ่ายเงิน 40 ล้านยูโรคว้าตัวไปร่วมทีม ซึ่งเขาก็อยู่ในเพียงฤดูกาลเดียว ก่อนจะระเบิดฟอร์มโหดในฟุตบอลโลก 2014 จนไปเตะตาเหล่าบิ๊กทีมในยุโรป
ซึ่งเรอัล มาดริด คือทีมที่กว้าทุ่มเงิน 75 ล้านยูโรดึงตัวเพลย์เมกเกอร์รายนี้ไป อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวไม่ค่อยมีบทบาทมากนักในยุคของซีเนดีน ซีดาน จนต้องย้ายไปเล่นให้บาเยิร์น, เอฟเวอร์ตัน และอัล รายยาน
เอเลควิม มองกาลา – แมนฯ ซิตี้ (45 ล้านยูโร)
กองหลังเฟร้นช์แมน เป็นกำลังสำคัญในแนวรับที่พาปอร์โต้คว้าแชมป์ลีกได้ 2 สมัย ก่อนถูกแมนฯ ซิตี้ ดึงตัวมาเป็นคู่หูของแวงซองต์ กอมปานี
ทว่าเขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มคงเส้นคงวาได้ และมีอาการบาดเจ็บรบกวน ประกอบกับเรือใบมีการเสริมแนวรับหลายราย จนสุดท้ายต้องย้ายไปร่วมทีมเอฟเวอร์ตัน, บาเลนเซีย และแซงต์ เอเตียน
หลุยส์ ดิอาซ – ลิเวอร์พูล (45 ล้านยูโร)
ปีกฟอร์มแรงที่ทำไป 41 ประตู 19 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 125 นัด ให้ปอร์โต้ จนเตะตาสเปอร์สที่ต้องการหาแนวรุกไปเสริมทัพ
ทว่าลิเวอร์พูลที่เล็งนักเตะคนนี้ไว้เหมือนกัน จึงยื่นดีลมูลค่า 45 ล้านยูโร บวกโบนัส 15 ล้านยูโรตัดหน้าในช่วงท้ายของตลาดหน้าหนาว 2022
เอแดร์ มิลิเตา – เรอัล มาดริด (50 ล้านยูโร)
กองหลังบราซิเลียน อยู่กับปอร์โต้ฤดูกาลเดียว แต่ก็โชว์ฟอร์มเด่นด้วยการจับคู่กับฟิลิเป้ จนก้าวไปติดทีมยอดแย่งแห่งปีของลีกโปรตุเกส และเรอัล มาดริด ที่อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน ก็ตัดสินใจดึงตัวไปเสริมทัพ
ในช่วงแรก เขาต้องตกเป็นตัวสำรองของเซร์คิโอ รามอส และราฟาเอล วาราน แต่หลังการจากไปของสองกองหลังระดับตำนานในฤดูกาลนี้ ทำให้มิลิเตาก้าวขึ้นมายึดตัวจริง และจับคู่กับดาวิด อลาบา พาราชันชุดขาวเป็นจ่าฝูงลาลีกาในขณะนี้