ซาอุฯ คิดการใหญ่ส่งสโมสรไปเล่น UCL

16

เป็นไปได้แค่ไหน ? เมื่อซาอุดิอาระเบียคิดการใหญ่ วางแผนส่งสโมสรไปเล่นถ้วย UCL

เป็นไปได้แค่ไหน ? เมื่อซาอุดิอาระเบียคิดการใหญ่ วางแผนส่งสโมสรไปเล่นถ้วย UCL

ซาอุดิอาระเบียสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วยุทธจักรลูกหนัง หลังใช้พลังเงินดูดแข้งซูเปอร์สตาร์มากมายเข้ามาค้าแข้งในลีก พร้อมวางเป้าหมายขึ้นเป็นลีกแนวหน้าของโลกภายในปี 2030

นักเตะดังอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้, คาริม เบนเซมา, เอ็นโกโล ก็องเต้, ริยาด มาห์เรซ, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน และล่าสุดก็ เนย์มาร์ ต่างยอมทิ้งเส้นทางรุ่งโรจน์ในลีกยุโรป เพื่อย้ายมาค้าแข้งในซาอุดิอาระเบีย เพราะพวกเขาได้รับข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้

การได้กลุ่มนักเตะระดับท็อปของโลกเข้ามาอยู่ในลีก ซาอุดิอาระเบียคงจะหวังสร้างชื่อแค่ในเอเชียไม่ได้ ด้วยศักยภาพของสโมสร ณ เวลานี้ พวกเขาสามารถไปไกลได้กว่านั้น จนนำมาซึ่งแผนการส่งสโมสรไปร่วมศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นฮือฮาทันที เมื่อสื่ออิตาเลี่ยนอย่าง Corriere Dello Sport รายงานว่า สมาคมฟุตบอลซาอุดิอาระเบีย (SAFF) ได้เริ่มพูดคุยกับ สหพันธ์ลูกหนังยุโรป (ยูฟ่า) ถึงความเป็นไปได้ที่จะส่งทีมแชมป์ลีกไปร่วมสังฆกรรมในศึกชิงจ้าวสโมสรยุโรป

ยูฟ่า จะเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตั้งแต่ฤดูกาล 2024/25 เป็นต้นไป โดยจะยกเลิกรอบแบ่งกลุ่ม 32 ทีม เปลี่ยนเป็นแข่งในระบบลีก 36 ทีม ซึ่ง SAFF มองว่า เป็นโอกาสดีที่จะส่งทีมร่วมเข้าแข่งขัน

แต่หากพิจารณาจากความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่ทีมจากซาอุดิอาระเบียจะไปปรากฎตัวในถ้วยใบใหญ่ของยุโรป ? Think Curve – คิดไซด์โค้ง นำคำตอบมาเสิร์ฟให้กับผู้อ่านทุกท่านแล้ว

กำแพงด่านแรก

เหมือนกับการแข่งขันทุกรายการทั่วโลก ยูฟ่าเองก็มีข้อบังคับสำหรับทีมที่เข้าร่วมแข่งขันในถ้วยสโมสรยุโรปเช่นกัน ทุกทีมต้องผ่านการประเมินคุณสมบัติในด้านต่าง ๆ เพื่อให้อยู่ในมาตรฐานที่ ยูฟ่า กำหนดไว้ หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “คลับไลเซนซิ่ง” (ใบอนุญาตยืนยันการเป็นสโมสรอาชีพ)

อย่างไรก็ดี การที่จะยื่นขอคลับไลเซนซิ่งของยูฟ่าได้นั้น สโมสรต้องอยู่ในลีกที่เป็นชาติสมาชิกของยูฟ่าก่อน ไม่อย่างนั้นก็เลิกคิดที่จะได้ลงแข่งทัวร์นาเมนต์ในยุโรปไปได้เลย

หากมองแค่ประเด็นนี้ สโมสรจากซาอุดิอาระเบียก็ไม่ผ่านเกณฑ์แล้ว ด้วยความที่พวกเขาสังกัดอยู่กับ สหพันธ์ลูกหนังเอเชีย (เอเอฟซี) จึงมีสิทธิ์ลงเล่นแค่ในรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือไม่ก็ เอเอฟซี คัพ

นี่คือสิ่งที่สมาคมฟุตบอลซาอุดิอาระเบีย (SAFF) ตระหนักดี ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามเจรจากับผู้บริหารของยูฟ่า เพื่อขอโควตาพิเศษ (Wild Card) ในการเข้าร่วมศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แทน โดยอาจจะเสนอผลประโยชน์ก้อนโตเป็นสิ่งตอบแทน

แต่ต้องยอมรับตามตรงว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะยูฟ่าต้องถามความเห็นจากชาติสมาชิกก่อน ซึ่งแน่นอนว่าตัวแทนจากหลายชาติคงยกมือค้านแบบสุดตัว ในขณะที่สโมสรจากหลายชาติยังไม่มีโอกาสได้ลงเล่นถ้วยใบใหญ่ของทวีปด้วยซ้ำ แต่อยู่ ๆ ยูฟ่าจะประเคนโควตาพิเศษให้กับแชมป์ลีกซาอุดิอาระเบีย มันเป็นการทำลายสปิริตของการแข่งขัน ซึ่งไม่ต่างจากโปรเจ็ค ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก ที่เคยถูกรุมถล่มจนล่มไม่เป็นท่า

ยิ่ง ยูฟ่า เคยรับบทเป็นหัวหอกออกมาโจมตีซูเปอร์ลีก พร้อมทั้งยังลงโทษทางวินัยกับทุกสโมสรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากพวกเขาเกิดรับลูก สมาคมฟุตบอลซาอุดิอาระเบีย ขึ้นมา คงไม่ต่างจากการถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง และมันก็ยังเป็นการเปิดช่องให้ซูเปอร์ลีกลับมาอีกด้วย

กำแพงด่านสอง

แค่กำแพงด่านแรก สโมสรซาอุฯ ก็ไม่มีทางก้ามข้ามแล้ว แต่ต่อให้พวกเขาได้รับโควตาพิเศษให้ลงเล่นในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาล 2024/25 จริง ๆ สโมสรซาอุฯ ก็แทบจะไม่มีโอกาสลงแข่งอยู่ดี เพราะต้องโดนตรวจสอบบัญชีการเงิน

เป็นที่รู้กันว่า ทุกสโมสรต้องผ่านการประเมินรายรับรายจ่าย ถึงจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปได้ กฎนั้นก็คือ ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ ซึ่ง ยูฟ่า บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว เพื่อควบคุมการใช้จ่ายของสโมสรไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบมากเกินไป ประกอบด้วย

– สโมสรไม่สามารถใช้เงินได้มากกว่าความสามารถในการชำระหนี้

– สโมสรขาดทุนได้ไม่เกิน 30 ล้านยูโร ตลอดระยะเวลา 3 ฤดูกาล

– สโมสรจ่ายค่าตัวนักเตะ, ค่าเหนื่อย, ค่าเอเย่นต์ ได้ไม่เกิน 70% ของรายรับทั้งหมด

เมื่อดูเม็ดเงินที่ทีมซาอุดิอาระเบียลงทุนไปกับการคว้านักเตะชั้นนำเข้ามาประดับทีม มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะควบคุมงบค่าใช้จ่ายให้อยู่ในข้อกำหนดของกฎการเงินได้ ต่อให้จะมีแฟนบอลตีตั๋วเข้ามาชมเกมเต็มความจุของสนามก็ตาม

ยกตัวอย่างเช่น อัล-ฮิลาล ใช้เงินในซัมเมอร์นี้ไปเหนาะ ๆ 268 ล้านยูโร (10,360 ล้านบาท) และรวมกับสองฤดูกาลก่อนหน้านี้ ยังไงงบดุลของพวกเขาก็ติดลบเกิน 30 ล้านยูโร

หรือในกรณีของ อัล-นาสเซอร์ กับ อัล-อิตติฮัด ที่ทุ่มจ่ายค่าเหนื่อยให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ และ คาริม เบนเซมา รายละ 200 ล้านยูโรต่อปี ซึ่งต้องเกินรายรับ 70% ของสโมสรแน่นอน เผลอ ๆ จะติดลบมากกว่า 100% ด้วยซ้ำ

ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ จึงยิ่งปิดตายโอกาสของสโมสรลีกซาอุดิอาระเบีย เพราะ ยูฟ่า คงไม่บ้ามากพอที่จะกล้าอนุโลมให้พวกเขาลงแข่ง โดยไม่สนใจงบการเงิน ไม่อย่างนั้นสโมสรอื่น ๆ ในยุโรป จะใช้เป็นข้ออ้างการในลงแข่งขันบ้าง เมื่อถึงตอนนั้นฟุตบอลในลีกยุโรปอาจจะพังทั้งระบบก็เป็นได้

เพราะฉะนั้นสรุปง่าย ๆ เลยว่า ต่อให้ สมาคมฟุตบอลซาอุดิอาระเบีย จะใช้ความพยายามในการเจรจาหรือล็อบบี้ ยูฟ่า ขนาดไหน พวกเขาก็ไม่มีทางได้สิทธิ์ลงเล่นในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยอุปสรรคที่ได้กล่าวมาข้างต้น

รูปภาพ

Think Curve – คิดไซด์โค้ง

แบ่งปัน