“ตั้งอยู่บนความเสี่ยง”

14

ผลเสมอที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แบบสุดระทึกสำหรับแฟนบอลทั้งสองฝ่ายถือว่ายุติธรรม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีครึ่งแรกเกือบทั้งครึ่งที่เหลือกว่าชัดเจน แกรห์ม พ็อตเตอร์ แก้เกมไว ทำให้ครึ่งหลังรูปเกมเชลซีก็ไม่ได้เป็นรอง และมาได้ประตูขึ้นนำจากจุดโทษท้ายเกม

น่าชื่นใจสำหรับแฟนผีตรงนี้ อย่างน้อยก็สู้กลับมาตีเสมอได้จาก กาเซมิโร่ เป็นช็อตที่ระเบิดอารมณ์ออกมาสุดๆ

แม้ภาพรวม แมนฯ ยูไนเต็ด จะเล่นบอลมีทรงขึ้น ดูแล้วมีความสม่ำเสมอมากขึ้น วิ่งช่วยกันเล่นตลอด แต่ก็ยังมีจุดที่ทำให้เป็นกังวลไม่น้อยเลย

ที่ชัดเจนเห็นจะเป็นเรื่องของการจบสกอร์ และจังหวะสุดท้ายที่ยังไม่มีความเด็ดขาด

นี่เป็นเกมอีกเกมที่พวกเขาสร้างโอกาสได้เยอะกว่าคู่แข่ง แต่เปลี่ยนเป็นสกอร์ได้แค่ลูกเดียว ชนิดที่ว่าดีแล้วที่ไม่แพ้

มาร์คัส แรชฟอร์ด กับโอกาสปังๆ 2 หน และแอนโทนี่ อีกหนตอนครึ่งแรก มันควรจะเป็นประตู อย่างน้อยก็สักลูกนึง ทั้งที่เล่นดีกว่าขนาดนั้น

อย่าลืมว่ามาตรฐานของพรีเมียร์ ลีก มันสูงขึ้น เล่นดีกว่าแค่ไหน ตราบใดที่ยังยิงไม่ได้ โอกาสของคู่แข่งยังอยู่

แล้วยิ่งเป็นการเจอกับทีมใหญ่ด้วยกัน โค้ชคู่แข่งจะมีเวลาแก้เกม ทั้งรูปแบบการเล่น และเปลี่ยนตัวนักเตะลงมาพลิกเกม อย่างที่เห็น พ็อตเตอร์ ทำในเกมนี้

“ครึ่งแรก แรชฟอร์ดมีโอกาสงามๆ 2 หน, แอนโทนี่ มีจังหวะเดี่ยวๆ คุณต้องยิงให้ได้ในโอกาสแบบนั้น เพราะในเกมใหญ่ๆ โอกาส 3 หนนี่มันถือว่าเยอะนะ คุณต้องยิงให้ได้” เทน ฮาก ให้สัมภาษณ์ชัดเจน

รอย คีน วิเคราะห์เกมนัดนี้ทางสกายสปอร์ตส์ โดยยังคงหนุนหลัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ น้องรักเหมือนเดิม ตอนพักครึ่ง คีนพูดถึงจังหวะแรชฟอร์ดว่า “ถ้าเป็นโรนัลโด้ คงยิงลูกนี้เข้าไปแล้ว”

ในแง่หนึ่งมันก็จริง แต่ในอีกแง่ มันก็ต้องบอกว่าถ้า โรนัลโด้ ลง รูปเกมมันก็อาจไม่เหมือนแรชฟอร์ดเล่น โดยยังไม่ต้องพูดเรื่องเขาโดนลงโทษตัดชื่อออกจากทีม

ทว่าทั้งหลายทั้งปวง มันก็ลงมาที่บทสรุปเดียวกันว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีปัญหาเรื่องการจบสกอร์

การที่มิดฟิลด์เชิงรับทำประตูได้ เป็นเริ่องดีมั้ย? แน่นอนเป็นเรื่องดี มันเป็น “โบนัส” หรือตัวละครลับที่สร้างความแตกต่างได้

แต่ตัวละครหลักอย่างแนวรุกสิ ควรทำให้เกมมันจบไปตั้งนานแล้ว หรือมีหน้าที่ในการทำประตู

ในบรรดาท็อป 6 หรือถ้านับลิเวอร์พูล เป็นท็อป 7 ด้วยก็ได้ จะเห็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ทำประตูได้น้อยสุดคือ 16 ลูกเท่านั้น เท่ากับเชลซี (เชลซี เสียประตูน้อยกว่า)

– เจดอน ซานโช่ 2 ประตู
– อันโทนี่ 3 ประตู
– บรูโน่ 2 ประตู
– แรชฟอร์ด 3 ประตู
– มาร์กซิยาล 2
– โรนัลโด้ 1
ที่เหลือ โอว์นโกล์ 1, เฟร็ด 1 และ กาเซมิโร่ 1

ซานโช่ ฟอร์มไม่สม่ำเสมอ, อันโทนี่ ใช้ได้ แต่ถ้าเข้าขวาก็หวังอะไรไม่ได้เลย, บรูโน่ เรื่องการทำประตูดร็อปลงไป

แรชฟอร์ด โอกาสบานเบอะ แต่ยิงในลีกไม่ได้มาตั้งแต่เกมชนะอาร์เซน่อลเมื่อต้นเดือนกันยายนแล้ว

มาร์กซิยาล ทรงดีมากฤดูกาลนี้ แต่ก็อย่างที่เห็น เปราะบางเหมือนเดิม เจ็บง่ายยิ่งกว่าอะไร

โรนัลโด้ ทำท่าจะกลับมาดี ก็ไปทำตัวเองให้โดนด่า โดนลงโทษ แบบนี้มันไม่เป็นผลดีต่อทั้งตัวเองและทีมเลย ทั้งที่ร่างกายก็ไม่เหมือนเดิมแล้วแท้ๆ

ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่าบอร์ดบริหารจะไม่เสริมทัพในตลาดหน้าหนาวนี้แล้ว เพราะจ่ายไปเยอะตอนซัมเมอร์

แน่ล่ะว่าคุณไม่สามารถสร้างทีมได้ภายในปีเดียว แต่พอเห็นปัญหาใหญ่ก็มาคิดว่าจะเสริมจริงหรือ?

เอาว่า 3 กองหน้าหลัก คนหนึ่งใช้โอกาสเปลือง ยิงไม่คม, อีกคนเน้นเจ็บมากกว่าเล่น, อีกคนสังขารไม่เอื้อแถมขี้งอนอีก

ต้องมาพึ่งพาพวกมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง เฟร็ด, กาเซมิโร่ ทำประตู 2 นัดติดต่อกันแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่อง

นี่ยังไม่ต้องนับตำแหน่งอื่นๆ ที่หากเจ็บไปคนสองคน รับรองเรื่องใหญ่

วาราน ก็เจ็บซ้ำไปอีก เกมต่อไปแฟนผีน่าจะได้เห็น ลินเดอเลิฟ ลงสนาม

แดนกลางถ้า กาเซมิโร่ กับ เอริคเซ่น หายไปพร้อมกันก็งานงอกอีก

แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนนี้ตั้งอยู่บนความเสี่ยง เอริค เทน ฮาก เองก็คงรู้ เขาทำทีมให้เล่นดีขึ้นมาขนาดนี้ แต่ขุมกำลังเชิงลึกยังไม่ดีพอ

อย่างน้อย ตลาดหน้าหนาวนี้เอากองหน้ามาเพิ่มสักคนก่อนมั้ย เพราะการมีกองหน้าดี หรือไม่ดี มันตัดสินผลการแข่งขันได้เลย อย่างที่เห็นในเกมกับเชลซีนี่แหละ

แบ่งปัน