4 กุนซือไทย เรียงแถวท้ายตาราง กับงานสุดหิน หลังผ่าน 7 นัดแรก
by #IceAssist
ผ่านครึ่งทางของเลกแรก ศึกรีโว่ ไทยลีก 2022/23 ที่เริ่มจะเห็นเค้าลางบ้างแล้ว ว่าผลงานของแต่ละทีมควรจะเร่งปรับปรุงในจุดใดบ้าง แต่ที่น่าสนใจและน่าจะปวดหัวกับการเร่งปรับปรุงทีมคือ หลังผ่านแมตช์เดย์ที่ 7 มี 4 ทีม ที่คุมทีมโดยกุนซือชาวไทย เรียงแถวอยู่ท้ายตาราง เราไปดูกันว่า กุนซือทั้ง 4 คน มีใครกันบ้าง และปัญหาที่ต้องฝ่าฟันเป็นอย่างไร
สุกฤษฎิ์ โยธี (ลำปาง เอฟซี อันดับ 13)
ถ้าไม่นับอานิสงส์ในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล ลำปาง เอฟซี ของ “โค้ชต้น” สุกฤษฎิ์ โยธี ก็จะกลายเป็นทีมที่มีผลงานแย่ที่สุดใน รีโว่ ไทยลีก ทันที ด้วยผลงานแพ้รวด 5 นัดติด แถมยิงได้เพียงประตูเดียว และเสียไป 13 ประตู
ปัญหาสำคัญที่แก้ยากที่สุด คงเป็นเรื่องของคุณภาพนักเตะ ที่ยังมีระยะห่างกับหลายๆทีม รวมถึงเรื่องของประสบการณ์ในการเล่นบนลีกสูงสุด นอกจากนี้ เกมรุกก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ของ “โค้ชต้น” มีโอกาสยิง 66 ครั้ง น้อยที่สุดเป็นอันดับสองของ รีโว่ ไทยลีก แถมเกมรับก็อาการหนัก เพราะเสียประตูมากที่สุดในลีกที่ 15 ประตู หลังผ่าน 7 นัด แม้ว่าจะอยู่ในอันดับ 13 แต่ต้องบอกว่า การบ้านที่ต้องทำอาจจะมากที่สุดในลีกตอนนี้เลยก็ว่าได้
ดุสิต เฉลิมแสน (ลำพูน วอริเออร์ อันดับ 14 )
ผลงานสวนกับการลงทุนพอสมควร สำหรับ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ที่เข้ามารับไม้ต่อจาก วันแดร์เลย์ กุนซือชาวบราซิล หลังพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาด้วยการเป็นแชมป์ โดย 7 ยังหาชัยชนะไม่เจอ เสมอ 3 แพ้ 4 ยิงได้เพียง 2 ประตู (ยิงได้นัดเดียว จาก 7 นัด)
งานของ “โค้ชโอ่ง” ถือว่าหนักนับตั้งแต่เข้ามากุมบังเหียญทัพราชันโคขาว เพราะต้องเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บของตัวหลักจากฤดูกาลที่แล้ว ทั้ง หม่อง หม่อง ลวิน และ ทาเลส ลิม่า แถมยังต้องมาปรับระบบการเล่นกันใหม่ กับผู้เล่นใหม่หลายๆคน แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา
อีกสองปัจจัยคือ การที่ผู้เล่นต่างชาติตัวใหม่ ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ ทั้ง อ็อกเยน มูดรินสกี้, โมฮัมเหม็ด ออสมาน, เอียน แรมซีย์ หรือแม้แต่แข้งใหม่อย่าง เจนรบ สำเภาดี และ ชัยวัฒน์ บุราญ ทำเอาเกมรุกดูมีปัญหาอย่างหนัก ที่สำคัญคือ ลำพูน วอรริเออร์ ไม่ได้เล่นที่สนามแม่กวง รังเหย้าของทีมในฤดูกาลนี้ และต้องไปใช้สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี แทน ซึ่งก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อฟอร์มในบ้านที่เคยแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน
รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค (โปลิศ เทโร เอฟซี อันดับ 15)
อาจจะยังเล่นไม่ครบ 7 นัด แต่ผลงาน 6 นัด รั้งรองบ๊วย ก็ไม่ใช่เรื่องดีนักสำหรับ “โค้ชอ้น” ที่ยังหาชัยชนะไม่เจอ แม้ว่ารูปเกมในหลายๆนัดจะทำได้ดี และสู้กับคู่แข่งอย่างสนุก แต่ผลการแข่งขันที่ได้ก็ออกมาไม่เป็นใจนัก จากการ เสมอ 3 แพ้ 3
ลูกทีมของ “โค้ชอ้น” ดูจะมีปัญหาใหญ่ในเรื่องของการจบสกอร์ จากกองหน้าตัวความหวังที่มาจาก M-150 แชมเปี้ยนชิพ ทั้งคู่ อย่าง วู กึนยอง และ มาร์ค แลนดรี้ บาโบ้ โดยสถิติฟ้องว่า โปลิศ เทโร เอฟซี ผ่านบอลแม่นยำสูงถึง 80% (มากสุดอันดับ 4 ในลีก) และมีโอกาสยิง 88 ครั้ง ซึ่งถือว่าไม่น้อย แต่จุดสำคัญคือการยิงเข้ากรอบ ที่ทำได้เพียง 20 ครั้ง เปลี่ยนเป็นประตูได้ 4 ประตู ทำให้ในหลายๆนัด ไม่สามารถสร้างความได้เปรียบจากโอกาสยิงที่ทำได้ จนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองในที่สุด หาก “โค้ชอ้น” แก้ในจุดนี้ได้ เชื่อเหลือเกินว่า มังกรโล่เงิน จะเป็นอีกทีมที่สร้างความปวดหัวให้คู่แข่งแน่นอน
ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล (หนองบัว พิชญ เอฟซี อันดับ 16)
ฟอร์มพลิกผันจากฤดูกาลที่แล้วอย่างสิ้นเชิง สำหรับ “พญาไก่ชน” ของ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ที่ยังหาชัยชนะไม่เจอ แต่ที่แย่หน่อยคือ แพ้ไป 5 จาก 7 นัด แถมเพิ่งจะเริ่มยิงประตูในนัดที่ 5 และตอนนี้ก็ยิงได้เพียง 2 ประตูเท่านั้น จมบ๊วยของตารางอย่างน่าใจหาย
ปัญหาของ “โค้ชวัง” ที่เจ้าตัวพอจะรู้ตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล นั้นคือการสูญเสียผู้เล่นคนสำคัญไปจำนวนมากกว่าครึ่งทีมใน 11 ตัวจริงที่ใช้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และต้องอิมพอร์ทผู้เล่นต่างชาติใหม่ 3 คน บางคนเข้ามาช่วงปลายของการปรีซีซั่น ส่งผลให้การปรับจูนเข้ากับแท็คติกกลายเป็นเรื่องที่ใช้เวลานานเกินไป รวมถึงศักยภาพของแข้งต่างชาติที่แสดงออกมาจนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถทดแทนคนเก่าๆได้เลย
นอกจากนี้ในแง่การเล่น หนองบัว พิชญฯ เป็นทีมที่ดูจะมีปัญหาในการขึ้นเกมอย่างแท้จริง ทั้งส่งบอลน้อยที่สุดในลีก ที่ 1,813 ครั้ง จาก 7 นัด และแม่นยำเพียง 62% น้อยที่สุดในลีกอีกเช่นกัน แม้ว่าโอกาสยิง และการเสียประตู จะยังดูไม่แย่นักก็ตาม จุดนี้คงเป็นการบ้านชิ้นใหญ่ที่ “โค้ชวัง” ต้องเร่งแก้ไข ในเรื่องความเข้าใจในระบบการเล่นของผู้เล่นใหม่ๆ รวมถึงไม้ตายของ โค้ชวัง ที่ยังไม่เห็นในฤดูกาลนี้ คือการดึงศักยภาพของแข้งต่างชาติ ที่มักทำได้ดีมาตลอดการคุมทีมทุกฤดูกาล
#RevoThaileague #Thaileague #บอลไทย #ฟุตบอลไทย
