ย้อนกลับเมื่อหลายปีก่อนสมัย เรอัล มาดริด พุ่งปรอทแตกทั้งในยุคดั้งเดิมของ คาร์โล อันเชล็อตติ และ ซีเนอดีน ซีดาน สามประสาน ‘BBC’ ถูกจารึกชื่อเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
เพียงแต่ความเด่นความดังนั้นตกไปอยู่ที่ตัว B และตัว C เท่านั้นส่วน B อีกคนถูกมองว่าเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบเล็กๆให้กับสองปีศาจ
ไหนจะเรื่องของการยิงประตูอีก
หากใครติดตามบอลสเปนมาคงจะเคยได้ยินล่ะครับว่า คาริม เบนเซม่า นี่ล่ะคือสากแท้ๆของ เรอัล มาดริด
เขาไม่ได้เป็นที่ถูกอกถูกใจมากนักกับแฟนๆหากว่ากันตามตรง ไม่ว่าจะตอนที่เขาขยายสัญญากับทีมออกไป หรือแม้ตลาดบางตลาดก็มีบางคนงงด้วยซ้ำว่าทำม เรอัล มาดริด ถึงยังเก็บเขาไว้อยู่
อย่างตอนที่ต้องเลือกระหว่าง กอนซาโล่ อิกวาอิน กับ เบนเซม่า สุดท้ายเบนซ์ก็ได้อยู่ต่อและเขาก็อยู่โยงยาวมาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยอะไรหลายๆอย่าง เบนเซม่า ได้รับเกียรติจากแฟนๆตั้งชื่อให้ใหม่ทั้ง คาริม เบนเซม่า เปเรซ หรือกระทั่ง คาริม ซีดาน ก็มีมาแล้ว
การวิจารณ์ต่างๆมันไม่ได้ทำให้ เบนซ์ น้อยอกน้อยใจหรืออะไรเลย เขาเดินหน้าเล่นในเกมของตัวเองและทำหน้าที่ตามโค้ชสั่งสม่ำเสมอ
“เบลเปรียบเสมือนกับจรวด คริสเตียโน่คือเครื่องจักรถล่มประตูและผมก็คือส่วนประกอบที่ทำให้เราทุกคนผสมผสานกัน” เบนเซม่า กล่าวถึง ‘BBC’
“โรนัลโด้ ยิงได้ 50-60 ประตูต่อปีและผมจำเป็นต้องปรับเกมของผมให้เข้ากับเขา เขาคือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกและผมก็แฮปปี้นะ”
“แต่อาจจะเพราะว่าผมสวมหมายเลข 9 ผู้คนเลยคาดหวังว่าผมต้องยิงประตู แม้ว่าผมจะใส่หมายเลข 9 แต่ในสนามจิตวิญญาณของผมคือหมายเลข 10”
จากคำพูดที่ออกมา เบนเซม่า ไม่ได้มีความเย่อหยิ่งเลยแม้แต่น้อยครับ เขาพร้อมปรับตัว ปรับเปลี่ยนวิธีการเล่น และก็พร้อมที่จะกลายเป็นส่วนผสมให้กับ ‘ทีม’ มากกว่าตัวเอง
หรือกระทั่งตอน โรนัลโด้ จากสโมสรไปอยู่กับ ยูเวนตุส ตัวของ เบนเซม่า ก็มีการพูดถึงตำแหน่งของตัวเองอีกครั้ง
“ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้เล่นเป็นบทพระรองมาก่อนนะ ผมไม่ได้บอกว่า ‘เอาล่ะ ผมจะส่งบอลไปให้กับโรนัลโด้ตลอดเวลา’ มันก็จริงที่ว่าผมเล่นดีในเกมแต่สุดท้ายโรนัลโด้ยิงสองประตูไปแล้ว แต่คุณไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้”
“ตั้งแต่เขาย้ายไปยูเว่ ผมได้เล่นในแบบของตัวเองและมันก็เป็นไปด้วยดี ผมไม่ได้เล่นแบบ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และตัวเขาก็ไม่ได้เล่นเหมือน คาริม เบนเซม่า”
“เขาไม่ได้เป็นตัวหยุดมุมมองจากการเป็นตัวเองที่ดีที่สุดของผม เราชนะมาด้วยกันหลายเกม เรามีความสุขร่วมกัน การคิดแบบนั้นมันเห็นแก่ตัวเกินไป”
“ผมชนะทุกอย่างร่วมกับเขา แชมเปี้ยนส์ ลีก, แชมป์ต่างๆ เรายิงประตู ผมจำไม่ได้หรอกว่าเท่าไรแต่เราเป็นส่วนมหัศจรรย์กับสามหอกร่วมกับ แกเร็ธ เบล เรามีช่วงเวลาที่ดีและผมยังมองไม่เห็นถึงจุดแย่ๆเลย”
นั่นหมายถึงว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เบนเซม่า คือคนที่ยอมทิ้ง ‘ความเป็นตัวเอง’ ออกไป
ผมอาจจะบอกแบบนั้นได้
เพราะปัจจุบันสิ่งที่เราได้เห็น สิ่งที่เราได้รับชมอาจจะเป็นตัวของ เบนเซม่า มากที่สุดแล้วกับการเล่นศูนย์หน้า
🏟 36 นัด
⚽️ 37 ประตู
🅰️ 13 แอสซิสต์
นี่คือตัวเลขที่น่าเหลือเชื่อจากชายวัย 34 กระรัตที่สุดท้ายเขาก็ได้ ‘ปล่อยของ’ ออกมาสักที
แม้มันอาจจะใช้เวลาสั่งสม บ่มเพาะ หรือรับแรงกระแทกจากเสียงด่ามามากสักหน่อย แต่ยามที่ เรอัล มาดริด ไร้โด้ไร้เบลแล้ว เบนซ์ นี่ล่ะก้าวขึ้นมาเป็น ‘เดอะแบก’ ของทีมได้แบบไร้รอยต่อ
ในตอนนี้คงไม่มีอะไรจะหยุดยั้ง เบนเซม่า ได้แล้วล่ะครับและเขาก็คู่ควรกับทุกคำชื่นชมจริงๆ