อิชิอิเผยฟุตบอลไทยต้องร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายไปเวิลด์คัพ

6

มาซาทาดะ อิชิอิ 💬 หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเป้าหมายในการพา ช้างศึก ไปแข่งขันฟุตบอลโลก 2026

ความประทับใจที่มีต่อฟุตบอลไทย, โอกาสของทีมชาติไทย หลังมีการเพิ่มเป็น 48 ทีม ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย และความพร้อมก่อนบุกเยือนจีน ในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในบทสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้เลย!

ถามว่า คุณเข้ามาเป็นโค้ชทีมชาติไทย เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นก็มีประสบการณ์มากมายกับสโมสรในบ้านเกิด คุณประทับใจอะไรในฟุตบอลไทย?

“สมัยที่ผมค้าแข้งในเจลีก เรามีโอกาสได้เจอทีมจากไทยบ้างเล็กน้อย ในเอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีก และจำได้ว่านักเตะไทยมีความแข็งแกร่งมาก ทั้งในการเล่นเกมรุกและเกมรับ พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ตัวต่อตัวมากกว่าหากเทียบกับนักเตะญี่ปุ่น”

“แต่การประสานงานกันระหว่างนักเตะยังต้องดีขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งผมมองว่าการที่มีนักเตะไทยมาค้าแข้งในเจลีก มันช่วยได้มาก และนักเตะไทยในเจลีกก็สามารถนำสิ่งที่เขาได้รับ ไปใช้กับทีมชาติไทยได้”

ถามว่า แม้จะผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ใน เอเชียน คัพ 2023 แต่ก็ต้องพ่ายต่อ อุซเบกิสถาน คุณได้เรียนรู้อะไรจากทัวร์นาเมนต์นี้ และสามารถนำไปปรับใช้ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก อย่างไร?

“ตั้งแต่ปีใหม่ที่เราได้อุ่นเครื่องกับญี่ปุ่น ในมุมมองของผม เราได้ปรับปรุงเกมรับและพัฒนาเรื่องพื้นฐานให้ดียิ่งขึ้น เราต้องเพิ่มเรื่องการเล่นเกมรับเป็นทีม และลดความผิดพลาดที่นำไปสู่การเสียประตู ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นในเอเชียน คัพ 2023”

“ซึ่งเราได้เจอกับทีมที่มีอันดับฟีฟ่า แรงกิ้ง สูงกว่าทั้งหมด เราจำเป็นต้องเล่นเกมรับ และมันทำให้เห็นพัฒนาการของทีม ทั้งในเอเชียน คัพ รวมถึงเกมที่บุกไปเยือน เกาหลีใต้ เมื่อเดือนมีนาคม”

ถามว่า คุณคิดว่าคุณประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน จากเกมที่โซล เพราะมีคนไทยติดตามเกมนี้จำนวนมาก เช่นเดียวกับแฟนบอลเกาหลีใต้ที่ช็อค แม้สุดท้ายก็กลับมาแพ้ในการเล่นที่ไทย

“เราได้มีการวิเคราะห์ เกาหลีใต้ อย่างละเอียด และเตรียมทีมให้พร้อมที่สุด รวมถึงพยายามนำการเล่นเกมรับ ที่พัฒนามาจาก เอเชียน คัพ ให้ดีขึ้นต่อไป เราพยายามเล่นอย่างมีระเบียบวินัย และเพิ่มศักยภาพในเกมรุกยามที่เราครองบอล”

“ในความคิดผม ความสำเร็จจากเกมเยือนเกาหลีใต้ เกิดขึ้นมาจากเกมที่เราไปอุ่นเครื่องกับ ญี่ปุ่น และ เอเชียน คัพ เมื่อเราได้ผลเสมอกลับออกมา ทำให้เกมในบ้านเราได้รับความคาดหวังค่อนข้างมาก”

“นักเตะก็มีความมั่นใจ จนบางครั้งอาจจะเสียสมาธิ ซึ่งผมต้องกลับมาวิเคราะห์ว่าทำไมเราถึงแพ้ในเกมนั้น และปรับปรุงแก้ไขต่อไป”

ถามว่า ตั้งแต่เข้ามาคุมทีมชาติไทย คุณได้โอกาสเจอกับทีมชั้นนำในเอเชีย ทั้ง เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น คุณคิดว่า ไทย จะสามารถไปถึงจุดนี้ในอนาคตได้หรือไม่ เพราะอะไร?

“ทุกอย่างไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตา ยกตัวอย่าง ญี่ปุ่น เพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นชาติชั้นนำหลังจากที่ก่อตั้งเจลีกมาได้ 30 ปี ผมคิดว่าไทยเองก็สามารถทำได้เหมือนกัน เราต้องพยายามยกระดับฟุตบอลไทยลีก”

“รวมถึงต้องมีโค้ชและสโมสรที่เข้าใจภาพรวมของการพัฒนาฟุตบอลไทย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ทุกคนที่มีส่วนในฟุตบอลไทย ต้องพยายามร่วมกัน หาวิธีที่ดีที่สุดในการสนับสนุนทีมชาติของเรา”

“และสร้างเป้าหมายที่สูงไว้ก่อน และที่สำคัญคือเรื่องวิสัยทัศน์ ตั้งแต่ผมมาคุมทีม ผมได้เน้นย้ำเรื่องการตั้งเป้าหมายในฟุตบอลโลก นี่คือเป้าหมายหลักที่ชัดเจนที่สุดในการกำหนดวิสัยทัศน์ของเรา”

ถามว่า การเพิ่มจำนวนทีมเข้าร่วมฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เป็น 48 ทีม ทำให้ไทยดูเหมือนจะมีโอกาสที่ดี มันเป็นการเพิ่มความคาดหวังหรือไม่

“เราได้รับการสนับสนุนอย่างมาก ตอนที่เดินทางไปเกาหลีใต้ พูดตามตรงว่าเรายังไม่สามารถยกระดับไปเทียบกับ เกาหลีใต้ หรือ ญี่ปุ่น ได้ ไทยน่าจะอยู่ที่ประมาณ อันดับ 20 ของเอเชีย”

“นั่นหมายความว่าเราจะต้องเจอกับทีมที่เหนือกว่าเป็นส่วนมาก เพื่อไปฟุตบอลโลก ไม่มีใครบอกว่ามันเป็นเรื่องง่าย แต่ตราบใดที่เรามีโอกาส แม้จะน้อยสักแค่ไหน ผมก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ต่อไป”

ถามว่า ฟุตบอลโลก มีความหมายต่อคุณ ในฐานะโค้ชอย่างไร?

“ฟุตบอลโลก เป็นสิ่งที่ทุกคนในวงการฟุตบอลรู้ว่ามันเป็นความใฝ่ฝัน แม้จะแค่ครั้งเดียวในชีวิต ซึ่งผมไม่เคยได้สัมผัสในสมัยที่เป็นนักเตะ แต่มันมีความหมายมากสำหรับตัวผม”

“เมื่อได้มีโอกาสเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย ผมรู้สึกขอบคุณมากกับโอกาสในครั้งนี้ และจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ความฝันในการไปฟุตบอลโลกเกิดขึ้นกับผมและทีมชาติไทย”

ถามว่า คุณเป็นโค้ชญี่ปุ่นคนที่สองของทีมชาติไทย ต่อจาก อากิระ นิชิโนะ ช่วยพูดถึงความท้าทายครั้งนี้หน่อย

“ผมคิดว่า นิชิโนะ แค่โชคร้าย เขาต้องเจอกับสถานการณ์การระบาดของโควิด และทำให้งานของเขาต้องบริหารจัดการหลายอย่าง อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวผม ผมพยายามให้ทุกคนเข้ามาร่วมมือกัน โดยเฉพาะสโมสรในฟุตบอลไทย”

“ซึ่งไม่ใช่แค่ทีมในระดับลีกสูงสุด แต่ยังรวมถึง ไทยลีก 2 และ 3 ด้วย โดยมองถึงเป้าหมายในปี 2026 ผมต้องการสร้างสภาพแวดล้อม ที่ไม่ได้มีแค่ผมและทีมงานที่ทำงานกันอย่างโดดเดี่ยว แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลไทย สามารถมาร่วมมือกันและช่วยเหลือกันได้”

และถามว่า ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย และตอนนี้ทีมอยู่อันดับ 3 ของกลุ่ม และมีแต้มตามหลังจีนอยู่สามคะแนน ซึ่งเป็นทีมที่ต้องเจอในเกมต่อไป คุณเตรียมตัวอย่างไรสำหรับเกมนี้

“ถือว่าเป็นครั้งแรกในฐานะโค้ชทีมชาติที่ต้องเจอกับความกดดันในการต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อเตรียมทีมและต้องได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย”

“หลังจากที่เราแพ้ เกาหลีใต้ ในบ้าน เราต้องพยายามเก็บหกคะแนนเต็มจากสองเกมที่เหลือ เพราะฉะนั้น ผมต้องพยายามเตรียมทุกอย่างให้พร้อมมากที่สุด และวิเคราะห์ฝ่ายตรงข้ามให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”