อาร์เซนอลถล่มเชลซีแบบสบาย ๆ พร้อมฉีกหนีลิเวอร์พูล 3 แต้ม และแมนฯ ซิตี้ 4 แต้ม
พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2023-24 นัดตกค้าง เป็นการพบกันระหว่าง อาร์เซนอล เปิดรังเหย้า เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ทำศึกลอนดอนดาร์บี้แมตช์พบกับ เชลซี
มิเกล อาร์เตต้า กุนซือเจ้าบ้าน เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-2-3-1 ใช้หน้าเป้าเป็น ไค ฮาแวร์ตซ์ ทำเกมรุกร่วมกับ บูกาโย ซาก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด และ เลอันโดร ทรอสซาร์
ด้านทีมเยือนของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน วางหมากมาในแผน 4-2-3-1 เช่นกัน โดยใช้หน้าเป้าเป็น นิโคลัส แจ็คสัน ทำเกมรุกร่วมกับ โนนี มาดูเอเก้, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และ มิไคโล มูดริค
ออกสตาร์ทเกมเพียงแค่ 4 นาทีเท่านั้น เป็นฝั่งของอาร์เซนอลมาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ ดีแคลน ไรซ์ กระชากบอลเข้าเขตโทษไปจ่ายให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ยิงเรียดด้วยซ้ายยัดเสามุมแคบเข้าไป ส่งให้ปืนใหญ่ออกนำ 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังเจ้าบ้านมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก ในนาทีที่ 52 จากจังหวะที่ ดีแคลน ไรซ์ ตวัดยิงด้วยขวาไปโดนเท้าของ โธมัส ปาร์เตย์ แล้วปลิ้นมาเข้าทาง เบน ไวท์ แปด้วยซ้ายตามซ้ำตุงตาข่าย ช่วยให้เดอะ กันเนอร์สหนีห่างเป็น 2-0
ถัดมานาทีที่ 57 อาร์เซนอลมาได้ประตูที่สามเพิ่มเติมอีก จากจังหวะที่ มาร์ติน โอเดการ์ด จ่ายทะลุช่องตัดแนวรับเชลซีบริเวณกลางสนามไปให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ลากไปยิงด้วยซ้ายจ่อ ๆ ไม่เหลือ ส่งให้ปืนใหญ่นำห่าง 3-0
ต่อด้วยนาทีที่ 65 เจ้าบ้านมาบวกลูกสี่ขยับหนีไปอีก จากจังหวะที่ บูกาโย ซาก้า ไหลบอลในเขตโทษให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ แตะไปยิงเรียดด้วยซ้ายพุ่งเช็ดเสาเข้าไป เป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย ช่วยให้เดอะ กันเนอร์สฉีกเป็น 4-0
ยังไม่หมดเท่านั้น เมื่อในนาทีที่ 70 อาร์เซนอลมาได้ประตูที่ห้า จากจังหวะที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ยกบอลเข้าเขตโทษให้ เบน ไวท์ แปด้วยขวาเหมือนเจตนาจะตบบอลเร็วทางฝั่งขวาเข้าตรงกลาง แต่กลายเป็นว่าบอลย้อยโด่งเสียบเสาไกลเข้าไปเลย กลายเป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย ส่งให้ปืนใหญ่ทิ้งห่าง 5-0
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นอาร์เซนอลถล่มเอาชนะแบบขาดลอยถึง 5-0 เก็บเพิ่มเป็น 77 คะแนน นำจ่าฝูงต่อไป โดยทิ้งห่างสองคู่แข่งลุ้นแชมป์อย่างอันดับ 2 ลิเวอร์พูล 3 คะแนน แต่แข่งมากกว่า 1 นัด และอันดับ 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4 คะแนน แต่แข่งมากกว่า 2 นัด ส่วนเชลซีอยู่อันดับ 9 ยังมี 47 คะแนนเท่าเดิม
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
อาร์เซนอล (4-2-3-1) : ดาบิด รายา; เบน ไวท์, วิลเลียม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลไญส์, ทาเคฮิโร โทมิยาสุ (โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ น.72); โธมัส ปาร์เตย์ (จอร์จินโญ น.72), ดีแคลน ไรซ์; บูกาโย ซาก้า (ฟาบิโอ วิเอรา น.82), มาร์ติน โอเดการ์ด, เลอันโดร ทรอสซาร์ (กาเบรียล มาร์ติเนลลี น.72); ไค ฮาแวร์ตซ์ (กาเบรียล เชซุส น.72)
สำรอง : อารอน แรมส์เดล, เอมิล สมิธ โรว์, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์, ยาคุบ คิวิออร์
ใบเหลือง – เลอันโดร ทรอสซาร์ น.45, เบน ไวท์ น.76
เชลซี (4-2-3-1) : ยอร์เย เปโตรวิช; อัลฟี กิลคริสต์ (ติอาโก้ ซิลวา น.78), อักเซล ดิซาซี, เบอนัวต์ บาดิยาชิล, มาร์ก กูกูเรยา; มอยเซส ไกเซโด้, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ (เทรโวห์ ชาโลบาห์ น.67); โนนี มาดูเอเก้ (เซซาเร คาซาเด น.79), คอเนอร์ กัลลาเกอร์, มิไคโล มูดริค (ราฮีม สเตอร์ลิง น.66); นิโคลัส แจ็คสัน
สำรองไม่ได้ใช้ : มาร์คัส เบตติเนลลี, คาร์นีย์ ชุควูเอเมก้า, เดวิด วอชิงตัน, ยิมี เตาริไอเนน, คิอาโน ดายเออร์
ใบเหลือง – อัลฟี กิลคริสต์ น.42, มาร์ก กูกูเรยา น.43
ขอบคุณที่มา goal.com
——-
