แบร์นาร์โด้ ซิลวา แก้ตัวจากการพลาดจุดโทษจนทีมตกรอบ UCL มายิงประตูชัยให้แมนฯ ซิตี้เบียดชนะเชลซี ตีตั๋วเข้ารอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพเป็นปีที่สองติดต่อกัน
–
เอฟเอ คัพ 2024 รอบรองชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ เป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดวลกับ เชลซี
เป๊ป กวาร์ดิโอล กุนซือเรือใบสีฟ้า เลือกจัดทัพมาในระบบ 3-2-4-1 ใช้หน้าเป้าเป็น ฮูเลียน อัลวาเรซ ทำเกมรุกร่วมกับ ฟิล โฟเด้น, เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ แจ็ค กรีลิช
ด้านสิงโตน้ำเงินครามของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน วางหมากมาในแผน 4-2-3-1 ใช้หน้าเป้าเป็น นิโคลัส แจ็คสัน ทำเกมรุกร่วมกับ โคล พาลเมอร์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และ โนนี มาดูเอเก้
ครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกัน 0-0 กระทั่งครึ่งหลังเป็นฝั่งของซิตี้มาได้ประตูขึ้นนำ ในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 84 จากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ ไหลบอลบริเวณสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายเข้ากลางไปโดน ยอร์เย เปโตรวิช ปัดมาเข้าทาง แบร์นาร์โด้ ซิลวา แปด้วยซ้ายแฉลบบล็อคของ มาร์ก กูกูเรยา เปลี่ยนทางเข้าไป ส่งให้เรือใบสีฟ้าออกนำ 1-0
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ชนะไป 1-0 ตีตั๋วผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยรอพบผู้ชนะคู่ระหว่าง โคเวนทรี ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งจะลงเตะในวันอาทิตย์
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (3-2-4-1) : สเตฟาน ออร์เตก้า; ไคล์ วอล์คเกอร์, มานูเอล อคานจี, นาธาน อาเก้; จอห์น สโตนส์ (รูเบน ดิอาส), โรดรี้; ฟิล โฟเด้น, เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, แจ็ค กรีลิช (เฌเรมี โดกู น.66); ฮูเลียน อัลวาเรซ (ออสการ์ บ็อบบ์ น.88)
สำรองไม่ได้ใช้ : มาเตโอ โควาซิช, เซร์คิโอ โกเมซ, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, มาเธอุส นูเนส, เอแดร์ซอน, ริโก้ ลูอิส
ใบเหลือง – ฮูเลียน อัลวาเรซ น.58, ฟิล โฟเด้น น.83, เควิน เดอ บรอยน์ น.86
เชลซี (4-2-3-1) : ยอร์เย เปโตรวิช; มาโล กุสโต้ (อักเซล ดิซาซี น.79), เทรโวห์ ชาโลบาห์, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์ก กูกูเรยา (เบน ชิลเวลล์ น.88); มอยเซส ไกเซโด้, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ (ราฮีม สเตอร์ลิง น.88); โคล พาลเมอร์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, โนนี มาดูเอเก้ (มิไคโล มูดริค น.79); นิโคลัส แจ็คสัน
สำรองไม่ได้ใช้ : เบอนัวต์ บาดิยาชิล, มาร์คัส เบตติเนลลี, คาร์นีย์ ชุควูเอเมก้า, เดวิด วอชิงตัน, อัลฟี กิลคริสต์
ใบเหลือง – มอยเซส ไกเซโด้ น.45, ยอร์เย เปโตรวิช น.83, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ น.86
ขอบคุณที่มา goal.com
——-
