การลงทุนมีความเสี่ยง : 21 ดีลยอดแย่พรีเมียร์ลีก 2022-23

49

ใครจะติดใน 21 อันดับดีลยอดแย่ของศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-23 กันบ้าง ติดตามได้ที่นี่

เมื่อพูดถึงการย้ายทีม ถือเป็นปีที่น่าทึ่งอย่างแท้จริงในพรีเมียร์ลีก เนื่องจากการใช้จ่ายพุ่งสูงถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยไม่ใช่ทีมยักษ์ใหญ่ระดับท็อป 6 เท่านั้น แต่ทีมอย่าง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ก็ใช้เงินซื้อนักเตะใหม่ไปมากมายเช่นกัน

ดูได้จากตัวเลขการใช้เงินไปถึง 2.1 พันล้านปอนด์ในช่วงตลาดซัมเมอร์ ตามด้วยใช้ไปอีกเพิ่มขึ้นเป็น 2.8 พันล้านปอนด์ในช่วงตลาดเดือนมกราคม โดยเฉพาะเชลซีที่ใช้จ่ายอย่างหนักหน่วงในช่วงหน้าหนาว

แต่การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ และแน่นอนว่าหลายดีลก็ถือเป็นการซื้อตัวที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย GOAL จึงจัดอันดับ 21 การย้ายทีมที่น่าผิดหวังที่สุดของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2022-23

21.ลูคัส ปาเกต้า (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, 51 ล้านปอนด์)
กองกลางดีกรีทีมชาติบราซิลประสบปัญหาการปรับตัวในฤดูกาลแรก เมื่อยิงไปได้เพียงแค่ 4 ประตูในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่เวสต์แฮมทุ่มจ่ายไปถึง 51 ล้านปอนด์ ถือยังไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นัก

ทว่าในช่วงหลัง ปาเกต้า ก็เริ่มจะปรับตัวได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนได้เป็นตัวหลักในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกหมายเลข 10 แบบเต็มตัว และมีส่วนพาทีมรอดตกชั้นในพรีเมียร์ลีก รวมถึงทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศในถ้วยยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก

20.เบรนเดน อารอนสัน (ลีดส์ ยูไนเต็ด, 25 ล้านปอนด์)
แนวรุกดีกรีทีมชาติสหรัฐอเมริกา ย้ายจากเรดบูลส์ ซัลซ์บวร์ก มาอยู่กับลีดส์ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ ทว่าผลงานกลับน่าผิดหวัง เมื่อยิงไปได้แค่ประตูเดียวเท่านั้นในพรีเมียร์ลีก

แม้ว่าจะมีคำชมตรงที่เป็นนักเตะที่มีความขยันและวิ่งเพรสซิ่งได้ดี แต่แค่นี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะพาทัพยูงทองรอดตกชั้นได้

19.มาเธอุส คุนญา (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, ยืมตัว)
หลังแจ้งเกิดกับแอตเลติโก มาดริดไม่ได้ ทำให้กองหน้าชาวบราซิลตัดสินใจย้ายมาอยู่กับวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ด้วยสัญญายืมตัวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ทว่าดาวเตะวัย 23 ปี ก็ยังไม่สามารถช่วยทัพหมาป่าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก เมื่อยิงไปได้แค่ 2 ประตูในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น และน่าจะถูกส่งตัวกลับตราหมีค่อนข้างแน่

18.พอล โอนูอาชู (เซาแธมป์ตัน, 18.6 ล้านปอนด์)
กองหน้าชาวไนจีเรีย โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมกับ เกงค์ ทีมในลีกเบลเยียมช่วงครึ่งฤดูกาลแรก ด้วยการกดไปถึง 17 ประตู จนทำให้ถูกเซาแธมป์ตันคว้าตัวมาร่วมทัพในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดเดือนมกราคม

ทว่า โอนูอาชู ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการมาเล่นบนพรีเมียร์ลีก เมื่อไม่สามารถทำประตูได้เลยแม้แต่ลูกเดียว จนทัพนักบุญร่วงตกชั้นเป็นทีมแรกไปเรียบร้อยแล้ว

17.ดาร์วิน นูนเญซ (ลิเวอร์พูล, 85 ล้านปอนด์)
แม้ฟอร์มการยิงประตูจะทำได้ไม่เลว เมื่อใส่สกอร์ในพรีเมียร์ลีกไปได้ 9 ประตู รวมถึงการยิงไปได้ 15 ประตูรวมทุกรายการ แต่ก็ต้องยอมรับว่ากองหน้าชาวอุรุกวัยยังทำผลงานโดยรวมได้ไม่ดีพอกับที่ถูกคาดหวัง

นูนเญซ ถูกวิจารณ์เรื่องการใช้โอกาสจบสกอร์ค่อนข้างเปลือง และช่วงหลังก็มักจะถูกจับนั่งสำรองบ่อยครั้ง แต่ด้วยวัยเพียงแค่ 23 ปี และการเล่นที่ดูมีแววจะพัฒนาต่อได้ ก็อาจจะต้องให้เวลาเขาปรับตัวกับการเล่นในอังกฤษอีกสักหน่อย

16.จอร์จินิโย รุตเตอร์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด, 35 ล้านปอนด์)
ลีดส์ตัดสินใจเดิมพันด้วยการซื้อกองหน้าดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสมาด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรถึง 35 ล้านปอนด์ จากฮอฟเฟนไฮม์ในช่วงเดือนมกราคม

ทว่า รุตเตอร์ กลับได้โอกาสลงเล่นไปเพียงแค่ 10 เกม และเป็นการลงตัวจริงแค่เกมเดียวเท่านั้น ที่สำคัญคือยิงไม่ได้แม้แต่ลูกเดียวด้วย จนทำให้ใน 6 เกมหลังสุดเขาเป็นแค่ตัวสำรองที่ไม่ได้ถูกส่งลงสนามเลย

15.จานลูก้า สกามัคก้า (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, 35.5 ล้านปอนด์)
กองหน้าชาวอิตาเลียนถูกเวสต์แฮมซื้อมาจากซาสซูโอโลด้วยค่าตัว 35.5 ล้านปอนด์ ทว่าบทบาทส่วนใหญ่คือการตกเป็นตัวสำรองของ มิคาอิล อันโตนิโอ

สกามัคก้า ยิงไปได้เพียง 3 ประตูในพรีเมียร์ลีก ก่อนจะเจอปัญหาบาดเจ็บหัวเข่าจนต้องปิดเทอมยาวในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังไปแล้ว

14.แอนโธนี กอร์ดอน (นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, 45 ล้านปอนด์)
กอร์ดอน ตัดสินใจย้ายจากเอฟเวอร์ตันมาอยู่กับนิวคาสเซิลเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวเบื้องต้น 40 ล้านปอนด์ บวกกับโบนัสตามเงื่อนไขอีก 5 ล้านปอนด์

ทว่าดาวเตะวัย 22 ปี กลับยังไม่สามารถสอดแทรกเป็นยึดตัวจริงของสาลิกาดงได้เลย และยังต้องตามหาประตูแรกกับต้นสังกัดใหม่ต่อไป

13.กอนซาโล เกเดส (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, 35 ล้านปอนด์)
แนวรุกดีกรีทีมชาติโปรตุเกส ย้ายจากบาเลนเซียมาอยู่กับวูล์ฟส์ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ แต่กลับยังโชว์ผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ถูกคาดหวัง

เกเดส ยิงไปได้เพียง 2 ประตูในพรีเมียร์ลีก จนทำให้ช่วงเดือนมกราคมถูกปล่อยให้เบนฟิก้ายืมตัวไปใช้งาน

12.ฟิลิปป์ คูตินโญ (แอสตัน วิลลา, 17 ล้านปอนด์)
คูตินโญ ย้ายมาเล่นให้วิลลาแบบยืมตัวในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลก่อน กระทั่งถูกซื้อขาดจากบาร์เซโลนาในช่วงซัมเมอร์

ทว่าดาวเตะชาวบราซิลกลับยิงได้แค่ลูกเดียวในฤดูกาลนี้ และต้องปิดเทอมยาวจากปัญหาบาดเจ็บพักยาวมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

11.อีฟส์ บิสซูมา (ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์, 25 ล้านปอนด์)
กองกลางดีกรีทีมชาติมาลีได้รับการจับตามองอย่างมากในการเล่นให้ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน จนทำให้สเปอร์สต้องไปซื้อมาด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์

ทว่า บิสซูมา กลับไม่สามารถทำผลงานให้ไก่เดือยทองได้ดีเหมือนกับสมัยอยู่ทัพนกนางนวลแม้แต่น้อย รวมถึงเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงานจนต้องพักยาวไปกว่า 3 เดือน จนเพิ่งจะฟิตกลับมาช่วยทีมได้ในช่วงท้ายฤดูกาลนี่เอง

10.ราฮีม สเตอร์ลิง (เชลซี, 47.5 ล้านปอนด์)
ด้วยดีกรีทีมชาติอังกฤษและการคว้าตัวแชมป์พรีเมียร์ลีกกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาถึง 4 สมัย ทำให้ สเตอร์ลิง ถูกคาดหมายว่าจะเข้ามาช่วยยกระดับเกมรุกของเชลซี

ทว่าผลงานของทั้งตัวเขาเองและของสิงโตน้ำเงินครามในฤดูกาลนี้กลับน่าผิดหวังอย่างรุนแรง จนกลายเป็นเพียงแค่ทีมกลางตารางเท่านั้น

9.คาลิดู คูลิบาลี (เชลซี, 33 ล้านปอนด์)
คูลิบาลี ถูกเชลซีเข้าทดแทนการอำลาทีมไปของสองเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอย่าง อันโตนิโอ รูดิเกอร์ และ อันเดรียส คริสเตนเซน กระนั้นกลับทำผลงานได้ไม่ดีอย่างที่ถูกคาดหวัง

ดาวเตะวัย 31 ปี ดูเหมือนว่าจะผ่านช่วงดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งไปแล้ว และค่อนข้างมีปัญหาเมื่อต้องเจอกับเกมเร็วในพรีเมียร์ลีก จนทำให้มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าเขาอาจได้อยู่สิงโตน้ำเงินครามเพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น

8.ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (เชลซี, 12 ล้านปอนด์)
ถือเป็นฤดูกาลแห่งฝันร้ายสำหรับ โอบาเมยอง อย่างแท้จริง เพราะดันได้ลงสนามให้กุนซือที่ดึงตัวเขามาอย่าง โธมัส ทูเคิล เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น ก่อนที่ทาง ทูเคิล จะถูกปลดออกจากทีมแบบฟ้าผ่า

ขณะที่เมื่อเข้าสู่ยุคของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ เขาก็แทบจะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนาม โดยเฉพาะในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง รวมถึงเมื่อเปลี่ยนกุนซือมาเป็น แฟรงค์ แลมพาร์ด บทบาทก็ยังน้อยนิดเหมือนเดิม จนมีโอกาสสูงที่เขาจะย้ายทีมหลังจบฤดูกาล

7.อาร์ตูร์ เมโล (ลิเวอร์พูล, ยืมตัว)
นี่คือดีลที่ล้มเหลวที่สุดของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้อย่างแท้จริง เพราะกองกลางชาวบราซิลได้ลงสนามให้ลิเวอร์พูลเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยังไม่เคยลงเล่นในพรีเมียร์ลีกแม้แต่นาทีเดียว

สาเหตุที่ อาร์ตูร์ ไม่มีโอกาสช่วยลิเวอร์พูลก็มาจากการที่ต้องเข้าผ่าตัดอาการบาดเจ็บที่ต้นขาตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน กระทั่งเมื่อหายกลับมาแล้วก็ไม่ค่อยถูกใส่ชื่อในม้านั่งสำรองเลยด้วย และจะถูกส่งตัวกลับไปยูเวนตุสหลังจบฤดูกาลแน่นอน

6.อันโตนี (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, 85 ล้านปอนด์)
แม้จะทำไปได้ 8 ประตูรวมทุกรายการ แต่ฟอร์มโดยรวมของปีกจอมหมุนชาวบราซิลถือว่าล้มเหลวสอบไม่ผ่านโดยสิ้นเชิง

อันโตนี ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องสไตล์การเล่นแบบหน้าเดียวที่ไม่มีความหลากหลาย และถูกคู่แข่งจับทางได้ง่ายเกินไป กระนั้นเขาก็ยังมีข้อดีในความขยันเพรสซิ่งและช่วยเกมรับ รวมถึงด้วยวัย 23 ปี ก็ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาขึ้นมาดีกว่านี้ได้อีก

5.เจสซี ลินการ์ด (น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, ไม่มีค่าตัว)
ลินการ์ด ซึ่งหมดสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหลังจบฤดูกาลก่อน ตัดสินใจไปเซ็นสัญญา 1 ปีกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ พร้อมรับค่าเหนื่อย 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

ทว่าการลงทุนจ่ายค่าเหนื่อยระดับนี้ให้ดาวเตะชาวอังกฤษของทัพเจ้าป่า ถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เมื่อนักเตะไม่สามารถยิงประตูและทำแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกได้เลยแม้แต่ลูกเดียว แถมในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังก็เจอปัญหาบาดเจ็บจนแทบไม่ได้ลงเล่น และหลังจบฤดูกาลนี้ ลินการ์ด ก็น่าจะต้องหาต้นสังกัดใหม่อีกครั้ง

4.มิไคโล มูดริค (เชลซี, 88.5 ล้านปอนด์)
ปีกชาวยูเครนตกเป็นข่าวกับอาร์เซนอลมายาวนาน ทว่าสุดท้ายกลายเป็นเชลซีที่ปาดหน้าคว้าตัวมาจากชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ด้วยค่าตัวสูงถึง 88.5 ล้านปอนด์ ในช่วงเดือนมกราคม

ทว่า มูดริค กลับทำผลงานได้ไม่ดีอย่างถูกคาดหวัง เมื่อยังยิงประตูไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปในฤดูกาลหน้าว่าเขาจะสามารถปรับตัวกับการเล่นในอังกฤษได้หรือไม่

3.คัลวิน ฟิลลิปส์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, 42 ล้านปอนด์)
กองกลางดีกรีทีมชาติอังกฤษเพิ่งจะได้ลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกให้แมนฯ ซิตี้เป็นครั้งแรก ในเกมล่าสุดที่พบกับเชลซีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งก็เป็นเพราะว่า เป๊ป กวาร์ดิโอลา ตัดสินใจพักตัวหลักเนื่องจากคว้าแชมป์ไปครองแน่นอนแล้วด้วย

ฟิลลิปส์ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการค้าแข้งกับเรือใบสีฟ้า เพราะบทบาทส่วนใหญ่ของเขาคือการอยู่ที่ม้านั่งสำรอง และมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะต้องย้ายทีมอีกรอบหลังจบฤดูกาล

2.มาร์ก กูกูเรยา (เชลซี, 63 ล้านปอนด์)
แบ็คซ้ายชาวสเปนทำผลงานได้ดีกับไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน จนถูกเชลซีทุ่มเงินถึง 63 ล้านปอนด์ซือดตัวมาร่วมทีม

ทว่าเขากลับเคยโชว์ฟอร์มได้เหมือนกับตอนอยู่ไบรท์ตันเลยแม้แต่นิดเดียว และหลายครั้งก็กลายเป็นบ่อน้ำมันชั้นดีที่แนวรุกคู่แข่งใช้เจาะเกมรับของเชลซีด้วย

1.ริชารลิซอน (ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร, 52.5 ล้านปอนด์)
กองหน้าชาวบราซิลย้ายจากเอฟเวอร์ตันมาอยู่กับสเปอร์ส ด้วยค่าตัวเป็นสถิติอันดับสองของสโมสรถึง 52.5 ล้านปอนด์ และถูกคาดหมายว่าจะเข้ามาประสานงานช่วยถล่มประตูร่วมกับ แฮร์รี เคน และ ซน ฮึง-มิน

ทว่ากว่าที่เขาจะยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้ ก็ต้องรอจนถึงช่วงปลายเดือนเมษายนในเกมพบกับลิเวอร์พูล และฟอร์มโดยรวมก็เข้าขั้นน่าผิดหวังอย่างยิ่ง

ขอบคุณที่มา goal.com

——-

แบ่งปัน