แฮตทริกของฮ็อตช็อต

9

เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ โดนแซวว่าฟอร์มแผ่วไปหรือเปล่า ในทุกครั้งที่เขายิงไม่ได้สักนัดหรือสองนัด

นั่นเป็นเพราะมาตรฐานที่ตัวเองทำไว้มันสูงลิบ นั่นแหละ ถ้ายังจำกันได้ ตอนเปิดซีซั่นใหม่ๆ 10 นัดแรก เขากดไป 15 ประตู ในจำนวนนั้นมี 3 แฮททริก

เขากลายเป็นนักเตะที่ทำ 3 แฮททริกได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ ลีก ด้วยจำนวนเกมลงเล่นเพียง 9 นัดเท่านั้น

สถิติที่ตามมาห่างๆ ถูกทำไว้โดย ไมเคิ่ล โอเว่น ซึ่งก็ใช้เวลา 48 นัด กว่าจะทำได้ 3 แฮททริก (อันที่จริงก็ถือว่าเร็วมากๆ แล้ว)

กระทั่งล่าสุด ฮาลันด์ ก็กดแฮททริกที่ 4 ของตัวเองในพรีเมียร์ ลีก ได้สำเร็จในนัดถล่ม วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 แน่นอนเป็นสถิติเร็วสุดเช่นกัน มันเกิดขึ้นภายใน 20 นัดเท่านั้น และมันยังเกิดขึ้นในฤดูกาลเดียวอีกต่างหาก

เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ดาวยิงรุ่นพี่ร่วมสโมสร เป็นเจ้าของสถิติแฮททริกมากสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ ลีก ทำไว้ 12 ครั้ง

แต่ถ้าถามว่า ใครที่ทำแฮททริกได้มากครั้งที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล

คำตอบไม่ใช่ “เอล กุน” เพราะดาวยิงอาร์เจนไตน์ ทำไว้มากสุดคือ 3 ครั้ง (ทำได้ในปี 2017/18 และ 2018/19)

ยังมีอีกหลายคนที่ทำได้ 3 ครั้งในฤดูกาลเดียว รุด ฟาน นิสเตลรอย (2002/03), หลุยส์ ซัวเรซ (2013/14), ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (2010/11)

ส่วนคนที่ทำได้ 4 ครั้งมี แฮร์รี่ เคน ในปี 2016/17 เทียบเท่ากับที่ เออร์ลิ่ง ทำไว้ในตอนนี้

สถิติสูงสุด อยู่ที่ 5 ครั้ง ตกเป็นของ อลัน เชียเรอร์ อีกหนึ่งดาวยิงตลอดกาลของวงการฟุตบอลอังกฤษ

เชียเรอร์ ยังคงเป็นเจ้าของสถิตินักเตะที่ทำประตูในพรีเมียร์ ลีก ได้สูงสุด 260 ประตู ในจำนวนนี้ เป็นแฮททริกถึง 11 ครั้ง (สถิติเดิมก่อนโดน อเกวโร่ ทำลาย)

โดยเฉพาะในฤดูกาล 1995/96 เป็นปีที่ เชียเรอร์ ทำแฮททริกได้มากถึง 5 ครั้งเลยทีเดียว

ฤดูกาลนั้น “ฮ็อตช็อต” ยังเป็นกองหน้าให้กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในฐานะแชมป์เก่า พวกเขาพยายามป้องกันแชมป์ โดยมี แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, นิวคาสเซิ่ล ที่ทะยานขึ้นมาเป็นทีมแย่งแชมป์ด้วย

อย่างที่เราทราบกันว่าสุดท้ายเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์ไปครองได้อย่างยอดเยี่ยมภายใต้ยุคใหม่ที่มีเด็กจากอคาเดมี่เป็นกำลังหลัก

แบล็คเบิร์น กลับมีผลงานในลีกไม่ดี เพราะจบเพียงอันดับ 7 เท่านั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผลงานการถล่มประตูของ เชียเรอร์ จะตกตามไปด้วย

ฤดูกาลนั้น เชียเรอร์ ยิงให้ แบล็คเบิร์น ไปถึง 31 ประตูในพรีเมียร์ ลีก จากการลงเล่น 35 นัด แน่นอนมันมีแฮททริกอยู่ถึง 5 นัดด้วยกัน

แฮททริกแรกเกิดขึ้นในเกมนัดที่ 7 เหยื่อคือโคเวนทรี สกอร์จบลงที่ แบล็คเบิร์น ชนะ 5-1

แฮททริกที่ 2 เกิดขึ้นในนัดที่ 13 เป็นเกมที่กุหลาบไฟ ถล่ม ฟอเรสต์ กระจุย 7-0

แฮททริกที่ 3 เกิดขึ้นในนัดที่ 15 หนนี้เป็นเวสต์แฮม ที่โดนไป 4-2

แฮททริกที่ 4 ข้ามไปนัดที่ 25 นัดนี้ แบล็คเบิร์น ชนะโบลตัน 3-1

แฮททริกที่ 5 เกิดขึ้นนัดที่ 31 เกมนี้ แบล็คเบิร์น บุกไปชนะสเปอร์ส 3-2

ตัวเลขระดับนี้ การทำประตูระดับในยุค 90s ถือว่าสูงอย่างน่าทึ่ง เชียเรอร์ กลายเป็นกองหน้าอันดับ 1 ของพรีเมียร์ ลีก ในเวลานั้นในแง่ของ “จอมถล่มประตู”

หลังจบฤดูกาลนั้น ซัมเมอร์ 1996 แมนฯ ยูไนเต็ด จึงพยายามติดต่อเข้ามาเพื่อคว้าตัวเขาไปร่วมทีม แต่ไม่ใช่ทีมของ เฟอร์กี้ ทีมเดียวที่สนใจ

กลายเป็น นิวคาสเซิ่ล ในยุคที่ยังมีตัง และลุ้นแชมป์ของ เควิน คีแกน ที่เข้าถึงตัว เชียเรอร์ ได้โดนใจกว่า และได้ตัว เชียเรอร์ ไปร่วมทีม ตัวของเชียเรอร์ เองก็เป็นแฟนบอลนิวคาสเซิ่ล และมี คีแกน เป็นไอดอลอยู่แล้วด้วย

เชียเรอร์ ยังคงทำประตูระเบิดเถิดเทิงให้ นิวคาสเซิ่ล น่าเสียดายที่ความยุ่งเหยิงในการบริหาร และการรักษามาตรฐานของสโมสรที่จะลุ้นแชมป์มันลดลง เปลี่ยนตัวกุนซือ และต่างๆ อีกมากมาย ทำให้ เชียเรอร์ ไม่เคยได้แชมป์เมเจอร์ใดๆ กับนิวคาสเซิ่ลเลย

แม้ว่าหลังอายุ 30 ไปแล้ว เชียเรอร์ ยังทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ เขายิง 23 , 17 และ 22 ประตู ก่อนจะมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายเล็กน้อยในช่วง 2 ปีสุดท้ายของอาชีพ แต่ก็ยังปิดท้ายด้วยการทำ 10 ประตูจาก 32 นัดในฤดูกาล 2005/06 ก่อนประกาศแขวนสตั๊ดด้วยวัย 36 ปี

นี่เป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก ทุกคนอยากรู้ว่าหากซัมเมอร์ปี 1996 เชียเรอร์ เลือกย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มันจะเกิดอะไรขึ้น

เขาจะได้แชมป์อะไรมากมายแค่ไหนกับทีมปีศาจแดงในยุครุ่งเรือง

สถิติการทำประตูของเขามันจะพุ่งสูงไปแค่ไหน เมื่ออยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีกองกลางเก่งๆ ปีกเก่งๆ คอยเปิดป้อนสร้างโอกาสให้จนหนำใจ และที่สำคัญ จำนวนแฮททริกของ เชียเรอร์ จะเป็นจำนวนกี่ครั้ง

ถึงวันนี้ สถิติของเขาเลยค้างเอาไว้ รวม 11 ครั้ง และสูงสุด 5 ครั้งใน 1 ฤดูกาล เพื่อให้กองหน้ารุ่นหลังได้ไล่ตามและแซงสถิติของเขาแบบนี้เอง

Cheerball

รูปภาพ

แบ่งปัน