เนย์มาร์อย่าน่าเสียดาย

21

#เนย์มาร์อย่าน่าเสียดาย ]

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เนย์มาร์ จะพลาด 2 เกมที่เหลือในรอบแบ่งกลุ่มของฟุตบอลโลกครั้งนี้ หลังได้รับอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวา จนบวมเป่งน่าหวาดเสียว

2 เกมดังกล่าวคือเจอสวิตเซอร์แลนด์ ในวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายนนี้ จากนั้นวันที่ 2 ธันวาคมตบท้ายฉะแคเมอรูน

ความสำคัญอยู่ที่เกมสอง หากโค่นสวิสลงได้ นั่นหมายถึงผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที แทบไม่ต้องดูผลเกมถัดมาเลย

ตีเต้ กุนซือจะยังสามารถสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้เล่นได้ตามอำเภอใจ ใครที่ยังไม่ได้สัมผัสเกมเลย ย่อมมีโอกาสมากที่จะถูกส่งลงมา ทัวร์นาเม้นต์ที่เล่นถี่ยิบเช่นนี้ การโรเตชั่นถือว่าจำเป็นมาก

คาดกันว่า เนย์มาร์ กว่าจะกลับมาฟิตสมบูรณ์ก็น่าจะเป็นรอบน็อกเอาท์เลย ตามสถานการณ์คาดกันว่า บราซิลคงยึดอันดับ 1 ของกลุ่ม ก็จะลงเล่นในวันที่ 5 ธันวาคม

แต่นั่นเป็นการประเมินจากอาการเท้าแพลงที่มีอาการอักเสบเล็กน้อย ซึ่งไม่อาจสรุปได้แบบชัดเจนว่า เมื่อถึงเวลานั้น เนย์มาร์ จะฟิตทันหรือไม่

มีเสียงวิจารณ์ว่า สาเหตุที่ทำให้บาดเจ็บ เป็นเพราะ เนย์มาร์ ยังคงเล่นตามใจตัวเองมากเกินไป ชอบเลี้ยงและครองบอลอย่างไม่จำเป็น จนโดนหวดกลิ้งหลายครั้ง

เราได้เห็นรูปร่างของผู้เล่นเซอร์เบีย ที่สูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น จังหวะ 50-50 ไม่มียั้งอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นฝ่ายได้เปรียบ

บางครั้งไม่จำเป็นต้องฟาวล์แรงให้เข้าตา แค่แซะหรือจิ้มไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็น่วมเอง ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง

เนย์มาร์ โดนตัดเกมหลายจังหวะ จนเริ่มหงุดหงิด แต่ก็พยายามจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ เพราะรู้ดีว่านี่คือจุดอ่อนที่คู่แข่งซุ่มโจมตีอยู่ แสดงออกว่าตบะแตกเมื่อไร อาจโดนยั่วจนหมดความอดทนได้

หากเทียบกับฟุตบอลโลกเมื่อ 4 ปีก่อน เราเห็นพัฒนาการของเขา ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แม้จะมาถึงในวันที่อายุ 30 ปีแล้วก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าสายเกินหรอก

กระนั้นเขาต้องการอิสระในการเล่น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนี่คือแข้งที่มีความพิเศษ อันนี้ไม่ได้วัดจากไลฟ์สไตล์หรือความโดดเด่นอื่นๆนอกสนามเลย เอาแค่ผลงานในสนามนี่แหล่ะ

สิ่งที่เราต้องยอมรับคือ เนย์มาร์ เก่งกาจความสามารถเฉพาะตัวเยี่ยมมาก บอลจากเท้าของเขาอาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปได้เพียงแค่เสี้ยววินาที ไม่ว่าจะเป็นแอสซิสต์หรือยิงประตูเอง

ในขณะเดียวกันอิทธิพลในทีมชาติบราซิลขบวนนี้ก็มีสูงเช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเหมือนหนึ่งศูนย์กลางของทีม นอกเหนือไปจาก ติอาโก้ ซิลวา กัปตันและ ดานี่ อัลเวส ผู้อาวุโส

ตีเต้ ย่อมรู้ดีว่าควรจัดการเรื่องนี้อย่างไร จึงไม่ควรไปจำกัดหรือตีกรอบให้ เนย์มาร์ เยอะเกินไปนัก อาจส่งผลเสียมากเข้าไปอีก

นักเตะสักคนที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์พระเจ้าประทานมาให้ มันเป็นเรื่องปกติ หากเขาจะอยากโชว์ออฟ เอนเตอร์แทนแฟนบอลและดึงดูดสายตาผู้คนให้พุ่งเข้าหา

ในขณะเดียวกันเอกลักษณ์ของแข้งบราซิเลี่ยน ต้องงัดลีลากระชากลากเลื้อยมาดวลกันอยู่แล้ว พวกเขาต่างโตมากันแบบนี้ ไม่ว่าคุณจะเล่นบนฟลอร์หญ้าได้มาตรฐานหรือวิ่งหวดข้างถนนก็ตาม

การเลี้ยงบอลตามแบบฉบับนักเตะบราซิล มันเหมือนเต้นระบำ ซึ่งถือเป็นชีวิตจิตใจของผู้คนเหล่านี้ แทบจะขาดไม่ได้เลยทีเดียว

ดังนั้นต่อให้คุณพร่ำบอก เนย์มาร์ กรอกหูทุกวันแบบเช้าเย็น มันก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงและแม้รู้ดีว่า เลี้ยงบ่อยๆต้องแลกด้วยการโดนเตะ เสี่ยงสูงจะบาดเจ็บ ก็ไม่ได้แคร์อยู่ดี

เต็มที่แค่เตือนให้ระวัง หาทางเอาตัวรอดในรูปแบบต่างๆ บางครั้งการแกล้งพุ่งล้มหรือมารยาเจ็บเกินจริง มันก็เป็นวิธีการป้องกันอย่างหนึ่งนั่นแหล่ะ ไม่อย่างนั้นคงโดนหวดจนอ่วม

สำหรับ เนย์มาร์ ซึ่งผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เจอคู่ต่อสู้ทำฟาวล์ทุกรูปแบบมานับไม่ถ้วน ย่อมรู้ดีอยู่แล้ว

อีกประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือ นี่เป็นช่วงเวลาที่ เนย์มาร์ กำลังฟอร์มเข้าฝักมากๆ หากเทียบตอนรับใช้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

ผลงาน 15 ประตู 12 แอสซิสต์ จากที่ลงเล่นทุกรายการ 20 นัด สะท้อนได้อย่างชัดเจนแล้ว จนตั้งข้อสังเกตว่า บางทีอาจมีเคสของ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ มาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ให้รู้สึกฮึกเหิมจริงจังยิ่งขึ้น

เขาโดนโจมตีมาตลอดว่า ขาดความเป็นมืออาชีพ คิดว่าเจ๋งกว่าคนอื่นแล้วจะทำอะไรก็ได้ วันๆร้องหาแต่อภิสิทธิ์พิเศษ ซึ่งก็คงจะได้รับบ้างอย่างที่ตกเป็นข่าว นำไปสู่ความเคยตัว ใครก็ห้ามแตะต้อง

แต่ทีนี้พอมี เอ็มบั๊ปเป้ ร่างใหม่ที่ยอมขยายสัญญา ก้าวขึ้นมาทดแทนในฐานะผู้เล่นคนสำคัญสุด ค่าจ้างสูงสุดในทีมหรืออาจจะทั้งโลกใบนี้ เนย์มาร์ พอจะอ่านออกว่า สถานะตกต่ำลง ไม่ใช่เบอร์ 1 เหมือนเคย

อีกทั้งยังมีข่าวลือประเภท ผู้บริหารเปแอสเชมีแผนจะปล่อยจากทีม ที่ผ่านมาไม่ได้ตอบแทนให้เห็นถึงความคุ้มค่า จากเงินค่าตัวและค่าจ้างที่จ่ายให้เลย

จากเสียงวิจารณ์ด้านลบ โถมถล่มมามากมาย มันต้องถึงเวลาจะต้องพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ว่า เขายังเจ๋งอยู่และไม่ได้เป็นคลื่นลูกเก่า ที่กำลังจะถูกลูกใหม่ซัดกระหน่ำมาแทน

ผลงานที่โดดเด่นในสีเสื้อสโมสร น่าจะมีผลถึงทีมชาติด้วยเช่นกัน เป็นช่วงเวลาเหมาะสมมากๆเลย เหมือนเหล็กต้องตีตอนร้อนถึงจะได้คุณภาพที่ดี

น่าเสียดายตรงที่ต้องมาบาดเจ็บอย่างที่เห็น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสไตล์การเล่น ซึ่งยากนักจะเปลี่ยนแปลงได้

น่าคิดเหมือนกันหาก เนย์มาร์ คัมแบ็กในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยสภาพที่ไม่ฟิตเต็มร้อยเหมือนตอนมาหรือหากแย่กว่านั้นก็คือ ยังคงลงเล่นไม่ไหว ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะไม่น่าจดจำเลย

กุมภาพันธ์ปีหน้า เนย์มาร์ จะอายุครบ 31 ปีแล้ว ฟุตบอลโลก 2026 เขาจะอายุ 34 ปีเต็ม ยังไม่อาจให้คำตอบว่าจะยังคงรักษามาตรฐานการเล่นได้มากแค่ไหน

อีกทั้งไม่รู้ด้วยว่า เวิลด์ คัพเที่ยวนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยหรือเปล่า ร่างกายที่โรยลงเรื่อยๆ บวกกับการดูแลที่เชื่อว่าไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไรนัก หากเทียบกับซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้

หลายคนได้แต่หวังว่าจะเห็น เนย์มาร์ ในฟอร์มที่ยังพีกไปอีกสักพัก ไม่ว่าอย่างไรนี่คือแข้งที่เหมือนศิลปินปัดป้ายแปรงโชว์ฝีเท้าไม่ต่างจากงานศิลปะล้ำค่าหรอก

สำคัญที่สุดเลยก็คือ ฟุตบอลโลกครั้งนี้เรายังหวังจะได้เห็น เนย์มาร์ อยู่บนเส้นทางของตัวเองต่อไป

—————–

Cheerball

รูปภาพ

แบ่งปัน