หากเทียบกับ โด้-เมสซี่

14

สถานการณ์ตอนนี้ของ ลิเวอร์พูล หากว่ากันตามตรงไม่ค่อยสู้ดีนัก ฟอร์มของพวกเขาถูกวิจารณ์อย่างหนักในช่วงหลัง

หลากหลายคนวิเคราะห์กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับทัพ “หงส์แดง” ว่าเริ่มกรอบรวมถึงการตัดสินใจที่คิดเยอะเกินของ เจอร์เก้น คล็อปป์

โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัว

ชื่อของ เจมส์ มิลเนอร์ ถูกหยิบยกมาว่าเป็นคนแรกๆเสมอที่ คล็อปป์ จะตัดสินใจส่งลงสนามไม่ว่าในตอนนั้นสภาพรูปเกมจะเป็นยังไง

หรือ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เองที่ช่วงหลังก็ถูกพูดถึงบ่อยๆเกี่ยวกับความเชื่องช้าที่เริ่มคืบคลานเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด

จังหวะยืนสกัดเอามือไขว้หลังเกมที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกเผยแพร่จนเป็นไวรัลและมีมล้อไปทั่วโลกโซเชี่ยลเลยก็ว่าได้

เท่านั้นยังไม่พอกับตัวสร้างคอนเทนต์อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ

หัวหอกชาวอุรุกวัยดูจะปรับตัวให้เข้ากับระบบแท็คติกของ คล็อปป์ ไม่ได้สักทีทั้งๆที่เขาเริ่มต้นในศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ แบบสวยสดงดงาม

ต่างจาก เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กับจังหวะยิงข้ามคานทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวเสียงดูหมิ่นตกไปอยู่กับดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์มากกว่า

ตัดภาพมาที่ปัจจุบันครับ ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ฮาแลนด์ ยิงเอายิงเอาส่วน นูนเญซ เหมือนเป็นแรงกระตุ้นให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เสียมากกว่า

3 นัด 5 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์มันคือฟอร์มร่างทองที่สาวก ‘เดอะ ค็อป’ โหยหา

ทว่าโดยรวมแล้วมีคนสรุปไปว่าในตอนนี้บรรดาแข้งของ “หงส์แดง” กำลังมีปัญหาในแง่ของความมั่นใจหลังจากที่ฟอร์มไม่พุ่งแรงเหมือนเดิม

ทำให้ก่อนเกมที่ ลิเวอร์พูล จะพบกับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส นั้นนักข่าวก็มีการถามไถ่เจเคเรื่องความมั่นใจของทีมในตอนนี้เป็นยังไงบ้างพร้อมกับได้รับคำตอบว่า

“ทำไมคนอื่นๆถึงสามารถถามได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันมากจากนักเตะไม่ได้มีความมั่นใจ ?” กุนซือเฮฟวี่เมทัลตอบ

“คุณคิดว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในช่วงเวลานี้มีความมั่นใจอยู่ในระดับท็อปงั้นเหรอ ? เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของโลกมายาวนานและตอนนี้มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาต้องการ มันไม่เหมือนเดิม”

“มันเกิดขึ้นได้สำหรับเราทุกคน ลิโอเนล เมสซี่ ฤดูกาลก่อนก็ไม่ได้เหมือนเดิมนี่”

“คุณจะต้องค่อยๆก้าวไปที่ละก้าวและต้องเดินในทิศทางที่ถูกต้องด้วยเพื่อจะกลับมาให้ได้และช่วงเวลานี้เราก็กำลังทำอยู่”

“มันไม่ใช่เรื่องของความมั่นใจหรอก การโดนนำ 2-0 มันไม่ดีต่อเรื่องความมั่นใจและการกลับมานำ 3-2 มันเป็นเรื่องดีมากๆ แต่เราก็เป็นฝ่ายที่ทำให้เกมมันเปิดกว้างหลังจาก 3-2 เองด้วย”

“นั่นล่ะคือสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกีฬาแบบนี้ ในแง่ของกีฬาบางประเภทคุณจะสามารถสู้ด้วยตัวเองได้ แต่ในแง่ของทีมล่ะก็เราจะต้องไปด้วยกัน ดังนั้นมันซับซ้อนกว่านิดหน่อย”

จากคำพูดดังกล่าวมีการถกเถียงเสียงแตกกันกระจายเลยครับ

บ้างก็ว่าทำไม คล็อปป์ ถึงต้องไปกล่าวพาดพิงคนอื่นด้วย บ้างก็ว่าจริงเพราะมันก็คล้ายๆกับอารมณ์โมเมนตั้มของโลกฟุตบอลทั่วๆไป

แต่บางทีมันก็ไม่ใช่เฉพาะเรื่องความมั่นใจน่ะสิ มันคือเรื่องของการทำอะไรเดิมๆมากกว่าที่ ‘เดอะ ค็อป’ พูดกัน

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไร้คู่แข่งมากดดันในตำแหน่งแบ็กขวาพอหลุดฟอร์มทีก็ไม่มีใครมาอุดรอยรั่วตรงนี้ มันคือเรื่องแบบนี้ซะมากกว่า

เพราะสิ่งที่ คล็อปป์ พูดออกมาหากเรามองไปที่โมเมนตั้มโดยรวมก็ถือว่าใช่นั่นแหละเพราะ โด้-เมสซี่ นี่คือยอดมนุษย์แต่เราก็ได้เห็นช่วงเวลาอันยากลำบากของทั้งคู่มาแล้วทั้งๆที่ก่อนหน้าแทบไม่มีใครคิดด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดขึ้น

ดังนั้นผมคิดเอาเองล่ะว่า เจเค น่าจะเกริ่นเชิงให้รอก่อน รอดูก่อน รอในวันนี้พวกเขากลับมาอีกครั้ง

เพียงแต่บางครั้งสิ่งที่ออกมามันขัดใจแฟนบอลเท่านั้นเอง

แบ่งปัน