ไม่เก่งต้องขยัน…

23

[ ไม่เก่งต้องขยัน… ]

เอริค เทน ฮาก ตั้งคำถามกับลูกทีม แมนฯยูไนเต็ด ในเรื่องของความพยายามและความกล้าหาญ…

เป็นอีกครั้งที่ แมนฯซิตี้ กระทำชำเราเพื่อนบ้านแสนขี้เกียจวิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความ “ห่างชั้น” ในทุกเรื่อง…เป็นบรรทัดฐานที่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่า แมนฯยูไนเต็ด จะขยับเข้าไปใกล้ได้เมื่อไหร่ ?

เทน ฮาก จัดตัวผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดอีกครั้งเปลี่ยนกลับมาใช้ มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นศูนย์หน้าแทน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นอกนั้นยังเชื่อมั่นเหมือนเดิมซึ่งเป็นการตัดสินใจที่…ถูกต้อง

ยืนยันมาตลอดว่า เทน ฮาก ต้องมี 11 คนแรกที่ดีที่สุดถ้าทุกคนยังทำผลงานในสนามได้ดีไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงเว้นเสียแต่ว่ามีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ,ติดโทษแบนหรือฟอร์มตกลงไป

ทีมชุดเทพของ เทน ฮาก เริ่มต้นทำผลงานได้น่าประทับใจตั้งแต่เอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ก่อนจะคว้าชัยอีก 3 เกมรวดใน พรีเมียร์ลีก และอีกหนึ่งเกม ยูโรป้า ลีก บุกไปชนะ เชริฟ ติราสโปล 2-0 ซึ่งเกมนี้ให้ โรนัลโด้ ลงยืนศูนย์หน้าเนื่องจาก แรชฟอร์ด เดี้ยง

มองว่าปัญหาของ แมนฯยูไนเต็ด ในเกมที่แพ้ยับๆต่อ แมนฯซิตี้ ไม่ได้อยู่ที่การจัดตัวผู้เล่นหากแต่อยู่ที่ “วิธีการเล่น” และ “สภาพจิตใจ” มากกว่า

ตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมาย้ำเสมอว่า แมนฯยูไนเต็ด มีปัญหาเรื่องทัศนคติความทุ่มเท…ถ้าเกมไหนร่วมแรงร่วมใจช่วยกันวิ่งช่วยกันแย่งลูกบอลเกมนั้นจะได้ผลการแข่งขันที่ดีโดยเฉพาะ 4 ตัวรุกแดนบนต้องขยันขันแข็งทำเพื่อทีมมากหน่อย

มีหลายเกมในยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่นักเตะพร้อมเพรียงพร้อมใจช่วยกันไล่ช่วยกันแย่งลูกบอลก็ได้ผลการแข่งขันที่ดีแต่โดยรวมส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเช่นนั้นไม่สามารถรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ทำให้ผลงานมันไม่ก้าวไปไปไหน

เหตุการณ์ลักษณะเดิมเกิดขึ้นอีกครั้งในยุคของ เทน ฮาก ทั้งที่ทีมชุดเดียวกันนี้เคยไล่ทุบ ลิเวอร์พูล แบบดุดันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเดือน สิงหาคม ที่ผ่านมานี่เอง…ก้าวไม่พ้นวังวนเดิมอีกครั้ง

ทีม ปีศาจแดง ออกสตาร์ทเกมตั้งรับรอคอย แมนฯซิตี้ เดินหน้าเข้ามาซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องเพราะศักยภาพของทีมเป็นรองจำเป็นต้องเล่นแบบอดทนรับให้แน่นอาศัยจังหวะสวนกลับฉับพลันแต่ปัญหามันอยู่ที่ผู้เล่นแดนบนช่วยแบ่งเบาภาระน้อยเกินไป

สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่อยู่ในร่างเทพมาตลอดช่วงหลังยังทำงานหนักไล่ล่าคู่แข่งแต่คราวนี้วิ่งหลุดตำแหน่งเพราะความที่ต้องการช่วยปิดพื้นที่ในทุกจุดส่วนคู่ขา คริสเตียน เอริคเซ่น ซึ่งอยู่ด้านในโดดเดี่ยวรับมือกับแข้งพระกาฬของ แมนฯซิตี้ โดยลำพัง

อันโตนี่, แรชฟอร์ด และ เจดอน ซานโช่ รอคอยที่จะเล่นจังหวะสวนกลับแต่ไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปิดพื้นที่และแย่งลูกบอลที่สำคัญคือยืนให้ตัวประกบทำงานง่ายไม่ได้มีการเคลื่อนไหวพลิกแพลงแต่อย่างใด

ส่วนปัญหาเรื่องความพยายามทุ่มเทและความกล้าหาญที่ เทน ฮาก พูดถึงภาษาบ้านเรียกว่า “ความห้าว” มันแทบไม่มีให้เห็นส่วนหนึ่งต้องยอมรับเลยว่าผู้เล่นหน้าใหม่ไม่เคยเจอบรรยากาศที่กดดันแบบนี้

อันโตนี่, ไทริลล์ มาลาเซีย, ลิซานโดร มาร์ติเนซ แข้งใหม่ที่มาจากลีก เอเรเดวิซี่ ที่ไม่ได้เข้มข้นทั้งบรรยากาศและคุณภาพคู่ต่อสู้ในสนามเหมือน แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวแลดูเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ

ในขณะที่ แรชฟอร์ด ซึ่งไม่ใช่เด็กแล้วผ่านจุดของการเรียนรู้มแต่ยังคงเฉื่อยชาและไม่สามารถทำประโยชน์เพื่อทีมได้ถึงขีดสุด…เกมรับก็ไล่ไม่สุด…เกมรุกก็ขาดจินตนาการและลูกล่อลูกชนสุดท้ายโดนเปลี่ยนออกในนาทีที่ 59

การเล่นกับ แมนฯซิตี้ ใครก็รู้ว่าต้องเข้มข้นขนาดไหนจากเดิมที่ต้องเน้น 100 เปอร์เซ็นต์ต้องเพิ่มเข้าไปอีก 20-50 เปอร์เซ็นต์โดยเฉพาะความเข้มข้นในเกมรับและความแม่นยำในจังหวเกมรุกสวนกลับเร็ว

แมนฯซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล มีจุดอ่อนเหมือนอยู่อย่างหนึ่งคือไลน์กองหลังดันขึ้นสูงมากเย้ายวนให้ทีมคู่แข่งตอบโต้ด้วยลูกสวนกลับซึ่งทั้งสองทีมจะเปิดโอกาสให้คู่แข่งทุกนัดจะมากน้อยขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสซึ่งหากมันเกิดขึ้นทีมที่เป็นรองต้องฉกฉวยให้ได้เพราะมันจะมีมาไม่บ่อย

ช่วงครึ่งแรก แมนฯยูไนเต็ด มีโอกาสที่จะเล่นงานจังหวะสวนกลับประมาณ 2-3 ครั้งแต่ไม่สามารถฉกฉวยโอกาสได้เพราะขาดคุณภาพและความแม่นยำซึ่งโอกาสผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

แรชฟอร์ด, ซานโช่ และ อันโตนี่ เอาตัวรอดและหนีตัวประกบไม่ได้ในขณะที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก็พยายามจ่ายบอลคิลเลอร์พาสแต่ก็ไม่เฉียบคมเพียงพอบวกกับธรรมชาติของทีม ปีศาจแดง รับ-ส่งบอลกันไม่แม่นอยู่แล้วนั่นทำให้เป็นฝ่ายโดนยำเสียถึง 4 ประตูในครึ่งแรก

การป้องกันลูกตั้งเตะที่หละหลวมกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ซึ่งมีส่วนสูง 194 เซนติเมตรถูกประกบโดย เอริคเซ่น ที่เล็กกว่าและไม่ใช่คนที่จะมาดูแล “ยักษ์นอร์เวย์” ในขณะที่ แม็คโทมิเนย์ ซึ่งสูงไล่เรี่ยกับ ฮาลันด์ เตี้ยกว่าแค่เซนติเมตรเดียวกลับไปประกบ อิลคาย กุนโดกัน ที่สูงแค่ 180 เซนติเมตร

ไม่เพียงแค่นั้น ดีโอโก้ ดาโลต์ ที่อยู่ใกล้ ฮาลันด์ กลับไม่ได้ขึ้นเบียดขึ้นกระแทกรบกวนให้หัวหอก แมนฯซิตี้ โหม่งไม่ถนัดหนำซ้ำยังหดหัวปล่อยให้คู่แข่งโขกอย่างง่ายดายส่วน ดาบิด เด เคอา รู้กันอยู่ว่าจังหวะแบบนี้คือ “จุดสลบ” ของตัวเอง

อย่างไรก็ตามความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ได้เซอร์ไพรส์เพราะนี่คือ แชมเปี้ยน แมนฯซิตี้ ที่กร้าวแกร่งซึ่งทุกทีมสามารถแพ้ได้เพียงแต่เก็บรายละเอียดข้อบกพร่องเอาไปแก้ไขมันเป็นความปราชัยนัดหนึ่งเพราะเป้าหมายยังเหมือนเดิมคือ ท็อปโฟร์ ไม่ใช่ลุ้นแชมป์

ประเด็นที่น่าสนใจตามมาคือ เทน ฮาก ต้องแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องของ “ความห้าว” ที่มาๆหายๆส่วนทีมชุด 11 ตัวแรกที่ดีที่สุดเดินมาถึงจุดที่อาจจะต้องปรับเปลี่ยนเพราะช่วงโปรชนะรวดมันหมดลงแล้ว

กาเซมิโร่ น่าจะได้โอกาสเต็มตัว…โรนัลโด้ กับ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ถ้าฟิตเต็มที่ก็ควรจะได้โอกาสแทน แรชฟอร์ด …รอ ดูว่า เทน ฮาก จะบริหารจัดการอย่างไร ?

MankCs

Cheerball

แบ่งปัน