ตัดสินที่บูดาเปสต์

13

ถือเป็นผลงานที่น่าประทับใจทีเดียวนะครับสำหรับทีมชาติอิตาลี หลังจากเปิดรัง ซาน ซิโร่ เฉือนชนะ อังกฤษ ไป 1-0 เมื่อคืนที่ผ่านมา

อันที่จริงต้องบอกเลยว่า ก่อนหน้าเกมนี้แฟนบอล “อัซซูร์รี่” ยังไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน

นั่นเพราะสถิติในอดีตที่ผ่านมามันบ่งชี้ว่าขุนพลเลี่ยนมักทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนักยามเล่นในช่วงเดือนกันยายน และตุลาคม

ปัญหาที่เห็นได้ชัดคือสภาพร่างกายที่ยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง เนื่องจากเซเรีย อา จะเปิดช้ากว่าลีกอื่น

แถมโปรแกรมทีมชาติคราวนี้ โรแบร์โต้ มันชินี่ ต้องปวดศีรษะหนักเลย นักเตะบาดเจ็บจนต้องถอนตัวไปกันเพียบ ไล่ตั้งแต่ มาร์โก แวร์รัตติ, ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่, มัตเตโอ โปลิตาโน่ และ ซานโดร โตนาลี่ รวมถึง ชิโร่ อิมโมบิเล่ ที่มาเดี้ยงเพิ่มด้วย

ไม่นับรวมพวกที่เจ็บยาวอยู่ก่อนแล้วทั้ง เฟเดริโก้ เคียซ่า, โดเมนิโก้ เบราร์ดี้, อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, มานูเอล โลคาเตลลี่ เช่นเดียวกับ เลโอนาร์โด้ สปินัซโซล่า ที่ยังไม่ค่อยฟิตสมบูรณ์

มันทำให้ “มันโช่” ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป

อย่างเกมล่าสุดนี้เขาเลือกที่จะปรับมาเล่นระบบ 3-5-2 อันเป็นแท็กติกที่ไม่ได้เห็น อิตาลี ใช้มานานแล้ว

ผู้รักษาประตูเป็น จานลุยจิ ดอนนารุมม่า กองหลังประกอบด้วย ราฟาเอล โตลอย, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ และ ฟรานเชสโก้ อแชร์บี้

แดนกลางประกอบด้วย นิโกโล่ บาเรลล่า, จอร์จินโญ่ และ ไบรอัน คริสตันเต้ โดยมี โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ประจำการวิงแบ็กขวา ส่วนฝั่งซ้ายเป็น เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้

กองหน้า จานลูก้า สคามัคค่า จับคู่ล่าตาข่ายกับ จาโคโม่ รัสปาโดรี่

เกมช่วงแรกค่อนข้างเนือยทีเดียว มีเพียงจังหวะที่ สคามัคค่า ได้โหม่งให้ นิค โพ๊พ ต้องออกแรงเซฟ จากนั้นทั้งสองทีมเล่นแบบระมัดระวังตัวจนแทบไม่มีโอกาสกันเลย

กระทั่งครึ่งหลังนั่นแหละที่ อิล ชิ.ที. น่าจะสั่งให้ลูกทีมเล่นกันเร็วมากขึ้น มีการวิ่งหาช่อง จ่ายบอลกันเร็วกว่าเดิม จนมาได้ประตูขึ้นนำจากการที่ โบนุชชี่ วางยาวให้ รัสปาโดรี่ เกี่ยวเอาบอลลง ก่อนหาจังหวะยิงเข้าไปอย่างสวยงาม

เรียกได้ว่านี่เป็นช่วงขาขึ้นของกองหน้าวัย 22 ปีอย่างแท้จริง

ซัมเมอร์ที่ผ่านมายกระดับตัวเองด้วยการย้ายจาก ซาสซูโอโล่ มาอยู่กับ นาโปลี จากนั้น 2 สัปดาห์ก่อนเพิ่งทำประตูแรกให้ต้นสังกัดใหม่ได้สำเร็จ ตามด้วยการซัลโวประตูในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในชีวิต และล่าสุดที่มาซัดสุดสวยให้กับทีมบ้านเกิด แถมยังเป็นประตูชัยอีกต่างหาก

อย่างน้อยสาวกอัซซูร์รี่ก็คาดหวังได้ว่าพวกเขามีหัวหอกสายเลือดใหม่ที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้บ้างแล้ว

จะให้เล่นหน้าเป้า รัสปาโดรี่ ทำได้แบบไม่มีปัญหา หรือเป็นหน้าต่ำ หรือถ่างออกไปริมเส้นก็ยังได้

ภายหลังจากประตูนี้ เกมการเล่นของแชมป์ยุโรปทีมล่าสุดก็มีชีวิตชีวามากขึ้น พวกเขาพยายามบุกเอาประตูเพิ่ม ขณะเดียวกันก็ยังมีสมาธิในการเล่นเกมรับจนสามารถต้านทานการโหมรุกจากพลพรรค “สิงโตคำราม” เอาไว้ได้

กลายเป็นว่าจากผลนัดนี้ ทำให้ลูกทีมของ มันชินี่ กลับมามีลุ้นที่จะคว้าแชมป์กลุ่มในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ลีก เอ กลุ่ม 3 เฉยเลย

ปัจจุบัน อิตาลี เก็บไป 8 คะแนน จาก 5 นัด ตามหลังจ่าฝูง ฮังการี อยู่ 2 แต้ม

แมตช์สุดท้ายวันจันทร์นี้ พวกเขาจะบุกไปเยือน ฮังการี ที่บูดาเปสต์ โดยข้อแม้คือต้องชนะสถานเดียว เพื่อที่จะพลิกสถานการณ์ขึ้นไปจบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มแทน และจะได้เข้าไปเล่นในรอบไฟนั่ลส์

แล้วมารอดูกันครับว่าขุนพลเลี่ยนชุดนี้จะทำได้หรือไม่

Cheerball

แบ่งปัน