“รู้แพ้ รู้ชนะ รู้ตัวเอง” 5 ประเด็นหลังเกมไทย-มาเลเซีย

9

By #Maxzio

ก่อนอื่นขอให้กำลังใจนักเตะทีมชาติไทยทุกคนเป็นอันดับแรก หลังเกมที่พ่ายมาเลเซียในช่วงยิงจุดโทษ โดยเฉพาะเจ้าเช็ค สุภโชค สารชาติ ที่เป็นคนพลาดจุดโทษ ความกล้าที่รับหน้าที่ ที่แสนกดดันในจังหวะชี้เป็นชี้ตายของทีมนับว่าสุดยอดมากแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือบทเรียน และประสบการณ์อันล้ำค่าที่จะพาทั้งตัวสุภโชค และนักเตะคนอื่นๆ ก้าวหน้าขึ้นไปมากขึ้น

เรื่องที่ต้องให้กำลังใจก็ต้องให้ต่อไป แต่เรื่องที่ต้องพูดถึงทั้งความผิดพลาด เรื่องของรูปแบบการเล่นก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องพูดถึงต่อไป และนี้คือ 5 ประเด็นหลังเกมทีมชาติไทย กับมาเลเซียในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48

#เจน่าเป็นห่วง

ชนาธิป สรงกระสินธ์ กลับมาทีมชาติไทยด้วยความคาดหวัง หลังไม่ได้ลงเล่นในนามทีมชาติไทยเลยเกือบทั้งปี (นัดล่าสุดวันที่ 1 มกราคม) และแฟนบอลชาวไทยต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงหวังว่าการย้ายตไปเล่นกับยอดทีมอย่าง “คาวาซากิ ฟรอนตาเล่” จะพา “ชนาคุง” พัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน แม้ว่าในช่วงหลังเจ้าตัวจะไม่ได้รับโอกาสลงสนามกับต้นสังกัด รวมถึงดูเหมือนว่าเขาจะปรับตัวกับวิธีการเล่นของทีมเจลีกทีมนี้ยังไม่ได้ ไม่นับเรื่องสภาพร่างกาย ที่ 6 นัดหลังสุด เจได้ลงลงสนามเพียง 72 นาทีเท่านั้น

สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น ชนาธิป มีอาการบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวอออกตั้งแต่นาทีที่ 14 ทำให้แฟนบอลชาวไทย และชาวเชียงใหม่อดชมฟอร์มของซูเปอร์สตาร์เต็มๆ เกม แต่หากดูตามเกมจริงๆ เกือบๆ 15 นาที เท่านั้น

ทั้งหมดนี้ก็อดเป็นห่วงเจไม่ได้ ทั้งสภาพร่างกาย ว่าอาการบาดเจ็บจะหนักเพียงใด มีผลต่อการกลับไปเล่นให้กับสโมสรต้นสังกัดหรือไม่ รวมไปถึงสภาพจิตใจของเจ้าตัว ที่ก่อนหน้านี้หลายคนมองว่าการได้กลับมาเล่นคิงส์ คัพ ที่ประเทศไทยในบรรยากาศที่คุ้นเคย น่าจะช่วยปรับ และปลดความกังวลหลายๆ อย่างของ “ชนาคุง” ออกไปได้ แต่สุดท้ายแล้ว ในตอนนี้เหมือนจะกลับกันไปทุกอย่าง ก็ต้องมาให้กำลังใจขอให้อากาศบาดเจ็บของเจไม่หนัก และกลับมาเค้นฟอร์มที่ยอดเยี่ยมดั่งเดิมให้ได้

#ครึ่งแรกสู้ไม่ได้แต่ครึ่งหลังดีขึ้น
มาโน่ โพลกิ้ง ใช้แผนการเล่น 4-2-3-1 ในตอนแรก แต่เหมือนการประสานงานกันในแดนกลาง และตัวรุกจะไม่ลงตัว การขึ้นเกมของ “ช้างศึก” แทบจะไม่มีให้เห็นเลย นอกจากจังหวะการเปิดบอลยาวจากแดนหลัง แล้วใช้ทั้งความสามารถเฉพาะตัว และความเร็วของตัวรุกเข้าโจมตี

ส่วนในครึ่งเวลาหลัง มาโน่ แก้เกมด้วยการส่ง ปฐมพล, พิธิวัต และศุภณัฏฐ์ พร้อมปรับการยืนเป็นลักษณะ 4-2-2-2 ซึ่ง 4 ตัวรุกมีอิสระในการหมุนเวียนสลับตำแหน่งได้อย่างเต็มที่ ทำให้ในช่วง 45 นาทีหลัง “ช้างศึก” ต่อบอลขึ้นเกมโหมบุกใส่มาเลเซียได้เกือบตลอดทั้งครึ่งเวลาหลัง ซึ่งก็ต้องชมการแก้เกมที่ยอดเยี่ยมของมาโน่ แต่ในอีกมุมหนึ่ง “เสือเหลือง” ก็เลือกที่จะลงไปเล่นเกมรับ และอาศัยเกมโต้กลับ ซึ่งก็เกือบได้ผลได้นาที 60 ที่มาเลเซียได้โหม่งจ่อๆ แต่ได้ความยอดเยี่อมของ กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ช่วยเอาไว้

#การประสานงานอันยอดเยี่ยมของสองพี่น้อง

การย้ายไปเล่นในเจลีกกับคอนซาโดล ซัปโปโร ของ “สุภโชค สารชาติ” ที่แม้ว่าโอกาสลงสนามจะไม่เยอะแต่ทำไปแล้ว 3 แอสซิสต์ กับการไปฝึกฝนฟุตบอลกับเลสเตอร์ ซิตี้ ของ “ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา” จนพัฒนาฟอร์มการเล่นกับบุรีรัมย์ ได้อย่างยอดเยี่ยม คือการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของสองพี่น้องคู่นี้ แน่นอนทั้งคู่ถูกคนไทยจับตามองอย่างหนักในการแข่งขันแมตช์นี้ แม้ว่าครึ่งเวลาแรกของ “เช็ค” จะหายจากเกมไปบ้างจากการถูกจับไปเล่นตำแหน่งไม่ถนัด แต่ในครึ่งเวลาหลังที่น้องชายอย่าง “แบงค์” ลงมาทั้งคู่ก็โดดเด่นขึ้นมาโดยทันที

เราได้เห็นการแทงบอลสวยๆ จากสุภโชค ไปให้ ศุภณัฏฐ์ หลายลูก และมีหลุดไปเกือบบวกสกอร์ได้อยู่หลายครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ และเป็นเรื่องดีๆ ไม่กี่อย่างที่เกิดขึ้นในเกมนี้ แต่เราก็ต้องชมอีก 2 ตัวรุกด้วยเช่นกันทั้งคนที่ลงมาในครึ่งหลังอย่าง ปฐมพล รวมถึงศุภชัย ใจเด็ด ที่เข้ามาประสานงานกับ 2 พี่น้องคู่นี้ได้อย่างลื่นไหล เรียกได้ว่าทั้ง 4 คนคลาสบอลทันกัน ทำให้เราได้ชื้นใจกับฟอร์มการเล่นของตัวรุกทั้ง 4 คนนี้ที่จะเป็นคลื่นใหม่ของทัพช้างศึก

#ธีราทรเอาท์คลาส

ความบันเทิงใจไม่กี่อย่างในช่วงครึ่งเวลาแรก และตลอดทั้งเกมคือการดูการเล่นของ “ธีราทร บุญมาทัน” ที่อาจเรียกได้ว่าเหนือกว่าทุกคนในสนามอย่างแท้จริงไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นไทย หรือมาเลเซีย ความนิ่ง ความใจเย็น การตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม ที่เกิดมาจากประสบการณ์ในเวทีระดับเอเชีย ทำให้ “อุ้ม” แตกต่างจากคนอื่นอย่างแท้จริง เราจะได้เห็นการดึงบอลหลบเนียนๆ การจ่ายบอลแกะเพรสซิ่งสวยๆ ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องหมายพิสูจน์ว่า ธีราทร เอาท์คลาสจากระดับอาเซียนไปแล้ว

#ความดุดันของมาเลเซียได้ผลดีกับไทยเสมอ

หนึ่งสิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่าจุดเด่นของมาเลเซีย ก็คือความดุดันในเกม การเข้าบอลที่ถึงลูกถึงคน ทำให้การขึ้นเกมของ “ช้างศึก” ในครึ่งเวลาแรกไปไม่เป็น แม้ว่าฝั่งกองเชียร์ชาวไทยจะมองว่าเป็นการเล่นที่หนัก และอาจจะเป็นการเล่นบอลที่ค่อนข้างโบราณ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในเกมนี้ ในรูปแบบการเล่นแบบนี้ของ “เสือเหลือง” สร้างปัญหาให้กับทีมชาติไทยได้อย่างดี จนเราไม่สามารถยิงประตูได้เลยตลอด 90 นาที (ไม่รวมทดเวลา)

สุดท้ายแล้วก็ต้องขอขอบคุณแฟนบอล 16,219 คนที่เข้ามาเชียร์ เข้ามาให้กำลังใจทัพช้างศึกถึงสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี แต่เรายังมีนัดกันอีกหนึ่งนัดในเกมที่ต้องเจอกับตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ในวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายนนี้ เวลา 17.30 น.

#ช้างศึก #ทีมชาติไทย #TogetherAsOne #Changsuek #Thailand #บอลไทย #ฟุตบอลไทย #FAThailand #FIFADAY #InternationalAmatch #KingsCup48 #คิงส์คัพ

แบ่งปัน