สงครามของสองบิ๊ก

23

สองวันก่อนมาร์ก้าสื่อใหญ่ของสเปน ออกมาเปิดเผยข้อมูลบางอย่างว่า วินิซิอุส จูเนียร์ ได้รับข้อเสนออันงดงามจากสโมสรแห่งหนึ่ง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นปารีส แซงต์ แชร์กแมง

รายละเอียดในข้อเสนอคือไม่ให้ วินิซิอุส ขยายสัญญากับเรอัล มาดริด แล้วปล่อยให้หมดในซัมเมอร์ปี 2024 หรือในอีก 2 ปีข้างหน้า จากนั้นค่อยย้ายมาร่วมเปแอสเชแบบฟรีเอเจ้นท์

แล้วจะได้รับค่าตอบแทนมูลค่ามหาศาลปีละ 40 ล้านยูโรหรือตกสัปดาห์ล่ะ 830,000 ยูโร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากๆ

มีการระบุเพิ่มว่าปารีสฯโทรมาหาตั้งแต่ปลายปีก่อนแล้ว หวังจะเกลี้ยกล่อมให้สำเร็จ แต่สุดท้าย วินิซิอุส ไม่ได้คล้อยตามและกำลังจะขยายสัญญากับมาดริดออกไปอีก คาดว่าจะได้บทสรุปเร็ววันนี้

เชื่อกันว่าเขาเลือกรับค่าจ้างราว 10 ล้านยูโรต่อปี บวกโบนัสด้วยก็ไม่น่าเกิน 12 ล้าน มันไม่ได้มากนักหรอกหากเทียบกับข้อเสนอจากฝรั่งเศส แต่แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานของเรอัล มาดริด เป็นคนให้ข้อมูลดังกล่าวเอง แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อเปแอสเชออกมา แต่เอาเป็นว่ารู้กันอยู่ ไม่จำเป็นต้องพูดหรอก

เรื่องนี้น่าสนใจ เพราะถูกนำมาแฉในช่วงเวลาที่ วินิซิอุส ใกล้จะต่อสัญญามาดริดไปถึงปี 2026 หรือ 2027 เหมือนจะเป็นการเกทับกันไปในตัว

เปเรซ อาจต้องการประกาศว่า เปแอสเชที่คิดว่ามีเงินแล้วยิ่งใหญ่นักหนา ไม่ได้หมายความว่าจะทำตามอำเภอใจได้หมด

ขณะเดียวกันยังช่วยตอกย้ำความเป็นศัตรูคู่แค้นระหว่างมาดริดกับเปแอสเชให้แน่นยิ่งขึ้นอีก เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าสองทีมนี้คือไม้เบื่อไม้เมากัน

มาดริดเองเพิ่งอกหักจาก คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่เปลี่ยนใจไปต่อสัญญากับปารีส แซงต์ แชร์กแมง นั่นทำให้ เปเรซ และแฟนบอลราชันชุดขาวผิดหวังสุดๆ ทั้งที่กำลังจะได้มาร่วมทีมแบบไม่ต้องเสียค่าตัวสักยูโรเดียว

เปเรซ ออกมาพูดถึง เอ็มบั๊ปเป้ ในทำนองว่าเห็นแก่เงินมากกว่า รวมทั้งยังเชื่อว่าเปแอสเชซึ่งได้เงินอุดหนุนจากกาตาร์เป็นพวกสเตททีม ซึ่งยังไงก็มีงบประมาณก้อนใหญ่กว่าไว้สำหรับใช้จ่าย

ในขณะที่ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ ประธานเปแอสเช ฉีกยิ้มกว้างอย่างคนมีความสุข ในวันแถลงข่าว เอ็มบั๊ปเป้ ยืดสัญญาออกไปอีก 3 ปี ราวกับว่าในรอยยิ้มซ่อนชัยชนะเอาไว้ด้วย

นี่เป็นอีกครั้งที่ อัล เคไลฟี่ ทำสำเร็จ เพราะต้องไม่ลืมว่ามาดริดตามตอแย เอ็มบั๊ปเป้ มานานแล้ว

หากย้อนกลับไปเมื่อซัมเมอร์ 2021 เปเรซ มีความพยายามอย่างมากจะปิดดีลให้ได้ ท่ามกลางกระแสข่าวน่าเชื่อถือ พร้อมทุ่มเงินค่าตัว 200 ล้านยูโรให้ไปเลย

เป็นทีมอื่นเจอข้อเสนอบ้าคลั่งเช่นนี้ อาจใจอ่อนยอมไปแล้ว นักเตะก็เหลือสัญญาแค่ปีเดียว มีความเสี่ยงสูงต้องเสียฟรี แต่ไม่ใช่ อัล เคไลฟี่ ซึ่งยืนกรานต้องเก็บเอาไว้และจะไม่ยอมให้มาดริดมาแสดงอำนาจข่มเด็ดขาด

มันเหมือนมีศักดิ์ศรีค้ำคอกันอยู่ เอ็มบั๊ปเป้ เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของเปแอสเช ฉะนั้นคงยอมไม่ได้หากมาโดนลบเหลี่ยม

ขณะเดียวกันหลังจาก เอ็มบั๊ปเป้ คอนเฟิร์มต่อสัญญาออกไปอีก 3 ปี มาดริดต้องมีคิวลงเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกนัดชิงกับลิเวอร์พูล

แล้วพอคว้าชัยได้ครองแชมป์ขึ้นมา ถึงคราวของ เปเรซ จะตอบโต้คืนบ้าง คงเสียดายที่เห็นความสำเร็จของมาดริด เพราะชัดเจนแล้วว่าฟุตบอลที่เล่นเพื่อเป้าหมายของเกียรติยศเป็นอย่างไร

คงอยากจะตะโกนให้ เอ็มบั๊ปเป้ ได้ยินชัดๆไปเลย อย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน เห็นกันอยู่แล้วว่าใครๆก็อยากย้ายมามาดริด ที่การันตีความสำเร็จระดับเมเจอร์มาตลอด

เมื่อ 5 วันก่อน เปเรซ ยังให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เลย ซึ่งน้ำเสียงยังคงเจือความแค้นอยู่

“แน่นอนว่าผมยังเคารพ คีลิยัน รวมทั้งไม่เคยพูดเลยสักครั้งว่าเขากับมาดริด จบลงแบบเด็ดขาดแล้ว”

“ในอีก 3 ปีย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ผมไม่อยากได้ เอ็มบั๊ปเป้ แบบที่เป็นเวอร์ชั่นนี้หรอก สภาพที่เห็นไม่เป็นที่ต้องการ ผมต้องการ คีลิยัน ที่แท้จริง”

คล้าย เปเรซ ยังปักใจว่า มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ เอ็มบั๊ปเป้ เปลี่ยนไป ที่เคยคุยกันมาก่อนไม่ใช่อย่างปัจจุบันเลย รวมถึงตั้งใจจิกกัดด้วย

ส่วนดีลของ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เมื่อมาดริดปิดจ็อบสำเร็จด้วยค่าตัวร่วม 100 ล้านยูโร เป็นการเอาชนะทั้งปารีส แซงต์ แชร์กแมงและลิเวอร์พูลที่รุกเข้าหาเหมือนกัน

“การเซ็นสัญญา ชูอาเมนี่ คือความสำเร็จครั้งใหญ่ของเรอัล มาดริดในซัมเมอร์นี้ รู้กันอยู่ว่าเขาตกเป็นที่สนใจของทีมอื่นไม่น้อย”

“เท่าที่รู้มีคนพยายามชวน ชูอาเมนี เลือกย้ายไปปารีส แซงต์ แชร์กแมง หนึ่งในนั้นคือ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของฟุตบอล”

“แต่ผมไม่อยากแคร์อะไรนักหรอก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ชูอาเมนี่ ก็เลือกมาดริด”

ดีลนี้ไม่ใช่แค่เสริมทัพมาดริดให้แกร่งขึ้นอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเหมือนตอบโต้เอาคืน เอ็มบั๊ปเป้ และเปแอสเชด้วยเช่นกัน

สองสโมสรนี้จึงประกาศสงครามกันอย่างเต็มตัว ไม่ใช่แค่ในสนามอย่างเดียว แต่ยังห้ำหั่นนอกสนามอย่างเข้มข้นอีกต่างหาก

มาดริดล้มเปแอสเชได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ชนิดพลิกความคาดหมาย เล่นเอา อัล เคไลฟี่ หัวร้อนสุดๆไปโวยผู้ตัดสินถึงห้องพัก เพราะเชื่อว่าเป่าเข้าข้างเจ้าถิ่น

แผนการใหญ่ของเปแอสเชที่วางไว้ในทุกฤดูกาลคือครองเจ้ายุโรป แต่กลับไม่เคยไปถึงเลย ทั้งที่ทุ่มทุนมหาศาล ผิดกับมาดริดที่ทำให้ดูเหมือนง่ายดาย ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร

เปเรซ ย่อมเอาจุดนี้มาเคลมได้ เช่นเดียวกับเรื่องการใช้เงินอย่างเหมาะสม ถูกต้องตามกฎไฟแนนเชี่ยล แฟร์เพลย์ โปร่งใสชัดเจน ไม่เหมือนเปแอสเชที่มักโดนกล่าวหา

นอกจากนี้ต้องไม่ลืมอีกว่า เปเรซ เองคือโต้โผใหญ่คิดก่อตั้งซูเปอร์ลีก ประกาศความเป็นศัตรูกับยูฟ่าอย่างไม่เกรงกลัว เรียกทีมใหญ่มากมายในยุโรปมาร่วมขบวน ก่อนมีการถอนตัวภายหลัง

แต่เปแอสเชไม่ได้เข้าร่วมด้วย พร้อมยืนยันว่าไม่มีความคิดดังกล่าวเด็ดขาด ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าได้รับเทียบเชิญหรือไม่

จากนี้ไปคงต้องตามติดกันให้ดี การฟาดฟันชิงดีชิงเด่นของสองสโมสรนี้ที่มีผู้ทรงอิทธิพลในโลกลูกหนังอย่าง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ และ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ อยู่เบื้องหลัง

ดูทรงแล้ว ได้ปะทะกันอีกแน่นอน

Cheerball

แบ่งปัน