โรดรีโก้เบิ้ลยื้อต่อเวลา!ราชันพลิกดับเรือ 3-1 (6-5) ลิ่งชิงหงส์แดง

792

คู่ชิงชนะเลิศ UCL เมื่อปี 2018 ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เมื่อทาง เรอัล มาดริด พลิกสถานการณ์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วงต่อเวลาพิเศษ

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021-2022 รอบรองชนะเลิศนัดสอง เป็นการพบกันระหว่าง เรอัล มาดริด เปิดรังเหย้า ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือเจ้าบ้าน ซึ่งต้องชนะด้วยผลต่างห่างเกิน 2 ประตูขึ้นไป ถึงจะพลิกเข้ารอบ เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-2-3-1 ใช้หน้าเป้าเป็น คาริม เบนเซมา ทำเกมรุกร่วมกับ เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้, ลูก้า โมดริช และ วินิซิอุส จูเนียร์

ด้านทีมเยือนของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุมความได้เปรียบจากการเปิดบ้านชนะมาได้ก่อนในนัดแรก 4-3 วางหมากมาในแผน 4-3-3 ด้วยการใช้สามประสานแนวรุกในแดนหน้าเป็น ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส และ ฟิล โฟเด้น

ครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกันอยู่ 0-0 กระทั่งครึ่งหลังเป็นฝั่งของซิตี้มาได้ประตูขึ้นนำ ในนาทีที่ 73 จากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ไหลบอลเข้าเขตโทษให้ ริยาด มาห์เรซ ตวัดยิงด้วยซ้ายโค้งเสียบเสาเข้าไปอย่างเด็ดขาด ส่งให้เรือใบสีฟ้าในชุดเยือนสีกรมท่าบุกนำ 1-0

แต่แล้วช่วงท้ายเกมนาทีที่ 90 มาดริดมาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า เปิดบอลทางกราบขวาเข้าเขตโทษให้ คาริม เบนเซมา แปะเร็วต่อให้ โรดรีโก้ โฉบมาชาร์จจ่อ ๆ ด้วยขวาไม่เหลือ ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

ถัดมาเพียงแค่นาทีที่ 90+1 กลายเป็นราชันชุดขาวมาได้ประตูพลิกขึ้นนำ จากจังหวะที่ ดานี การ์บาฆาล เปิดบอลทางกราบขวาเข้าเขตโทษให้ โรดรีโก้ เทกตัวโหม่งตุงตาข่าย เป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย ช่วยให้เจ้าบ้านแซงนำ 2-1

จากนั้นจบเกมเวลาปกติ 90 นาที เป็นเรอัล มาดริดชนะไป 2-1 ทำให้รวมผลสองนัดเสมอกัน 5-5 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที

ช่วงต่อเวลาพิเศษมาดริดมาได้จุดโทษ ในนาทีที่ 95 จากจังหวะที่ รูเบน ดิอาส ไปจิ้มสกัดใส่ข้อเท้าของ คาริม เบนเซมา จนล้มลงไป ก่อนจะเป็น เบนเซมา ลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารด้วยตัวเองไม่พลาด ส่งให้ราชันชุดขาวนำห่างในเกมนี้ 3-1 และรวมผลสองนัดแซงนำเป็น 6-5 ไปแล้ว

สุดท้ายจบเกมช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที กลายเป็นเรอัล มาดริดชนะไป 3-1 รวมผลสองนัดเฉือนชนะไปแบบสุดมัน 6-5 ตีตั๋วผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับลิเวอร์พูล และถือเป็นการกลับมาพบกันของคู่ชิงชนะเลิศเมื่อปี 2018 อีกครั้งด้วย

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
เรอัล มาดริด (4-2-3-1) : ธิโบต์ กูร์ตัวส์; ดานี การ์บาฆาล, เอแดร์ มิลิเตา (เฆซุส บาเญโฆ น.115), นาโช เฟร์นานเดซ, แฟร์กล็องด์ เมนดี้; คาเซมิโร (มาร์โก อเซนซิโอ น.75), โทนี โครส (โรดรีโก้ น.68); เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้, ลูก้า โมดริช (เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า น.75), วินิซิอุส จูเนียร์ (ลูคัส บาสเกวซ น.115); คาริม เบนเซมา (ดานี เซบาญอส น.104)

สำรองไม่ได้ใช้ : ดาวิด อลาบา, มาร์เซโล, อังเดร ลูนิน, ลูก้า โยวิช, มาเรียโน ดิอาซ, โทนี ฟุยดิอาส

ใบเหลือง – ลูก้า โมดริช น.9, ดานี การ์บาฆาล น.65, เอแดร์ มิลิเตา น.84, เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ น.90+6

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน; ไคล์ วอล์คเกอร์ (โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ น.72), รูเบน ดิอาส, อายเมอริค ลาปอร์กต์, เชา คันเซโล; เควิน เดอ บรอยน์ (อิลคาย กุนโดกัน น.72), โรดรี้ เอร์นานเดซ (ราฮีม สเตอร์ลิง น.99), แบร์นาร์โด้ ซิลวา; ริยาด มาห์เรซ (แฟร์นานดินโญ น.85), กาเบรียล เชซุส (แจ็ค กรีลิช น.78), ฟิล โฟเด้น

สำรองไม่ได้ใช้ : นาธาน อาเก้, แซ็ค สเตฟเฟน, สกอตต์ คาร์สัน, ซีเจ อีแกน-ไรลีย์, โคล พาลเมอร์, เจมส์ แม็คอาตี้, โรเมโอ ลาเวีย

ใบเหลือง – อายเมอริค ลาปอร์กต์ น.9, ราฮีม สเตอร์ลิง น.101, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ น.113

ขอบคุณที่มา goal.com

แบ่งปัน