“ผีแดง” การรอสร้างใหม่

25

ในวันที่คุณคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว แต่ปรากฏว่ามี … ยังมีไอ้ที่แย่กว่ารออยู่

อย่างเช่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับสถานการณ์ในตอนนี้

แพ้ลิเวอร์พูลยับเยิน 0-4 มาเจอกับอาร์เซน่อล ที่แม้ฟอร์มโดยรวมจะกระเตื้องขึ้นมาแต่ก็ยังแพ้อยู่ดีด้วยสกอร์ 1-3

จะด้วยจังหวะไม่เป็นใจ ผู้ตัดสิน โน่นนี่อะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายก็ต้องมาโทษตัวเองเป็นเพราะความไม่เด็ดขาด ไม่มีสมาธิ ความผิดพลาดส่วนบุคคลเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ส่งผลเสียหายต่อทีมมาตลอดฤดูกาล แต่ก็ไม่เคยเรียนรู้ปรับปรุง

มิหนำซ้ำ ดูเหมือนว่าตอนนี้เรื่องราวภายในสโมสรจะถูกนำมาพูดถึงโดยเจตนา และมันก็พอจะบอกได้ชัดถึงอนาคตบางส่วน

พอล สโคลส์ มานั่งวิเคราะห์เกมนี้ อยู่ๆ ก็พูดออกมาว่า เขาได้คุยกับเจสซี่ ลินการ์ด วันก่อน และ เจสซี่ ก็เล่าว่าห้องแต่งตัวของแมนฯ ยูไนเต็ด ตอนนี้มันเละเทะมาก เป็นหายนะเลย

พูดแบบนี้ ราลฟ์ ริงนิค ไม่พอใจแน่ โดยเฉพาะลินการ์ด ที่เหมือนเอาเรื่องภายในไปบอกคนนอก

ไม่แปลกใจว่าที่ผ่านมามักมีเรื่อง “รั่ว” ไปถึงนักข่าวเสมอ เพราะมันบอกปากต่อปากกันนี่เอง สุภาษิตไทยบอก “ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า” แต่อังกฤษ อ่านภาษาไทยไม่ออกเลยไม่รู้ภาษิตนี้!

ข้ามเรื่องเกมไปก่อนได้เลย เพราะอีกไม่กี่นัดในฤดูกาลนี้มันแทบไม่มีความหมายแล้ว

ว่าเรื่องของอนาคตดีกว่า เพราะยิ่งนับวัน ปัญหายภายในจะยิ่งถูกขุดออกมาให้เห็นมากขึ้น

แฟนผีจำนวนมากไม่ประทับใจกับบทบาท “ผู้จัดการทีมชั่วคราว” ของ ริงนิค แต่ส่วนใหญ่โอเคที่เขาพูดสิ่งที่ควรพูด เปิดโปงความล้มเหลว ที่หมกหมมอยู่ในสโมสรมานาน ให้แฟนๆ ได้รับรู้ เป็นการยืนยันว่าที่คิดๆ กันนั้นถูกต้องแล้ว

สตีฟ เบตส์ ซึ่งเป็นนักข่าวของ เดอะ มิร์เรอร์ เปิดเผยถึงสิ่งที่ รังนิค มองเห็นในตอนนี้

– เขามองห้องแต่งตัวของแมนฯ ยูไนเต็ด ว่า “เห็นแก่ตัว, คิดว่าตัวเองเก่งเกิน, ขาดคุณภาพ และมีอำนาจมากเกินไป” และแหล่งข่าวภายในสโมสรบอกว่า ริงนิค มองเห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพจากทีมชุดใหญ่หลายคน

– รังนิค อ้างว่านักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด หลายคนเพิกเฉยต่อคำสั่งของเขา เมื่อสั่งให้เล่นในรูปแบบนั้้นๆ ในบางเกม

– เขาบอกกับ จอห์น เมอร์เทอห์ และ ริชาร์ด อาร์โนลด์ ว่านักเตะยูไนเต็ดหลายคน “ไม่เหมาะกับแนวทางของทีม” และสภาพร่างกายก็ไม่สามารถสู้กับคู่แข่งที่วิ่งเร็วกว่า, เยอะกว่า และหนักกว่าได้ โดยเฉพาะแดนกลาง ที่สภาพร่างกายไม่ถึงอย่างน่าเหลือเชื่อ มันเป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องแก้ไขกันก่อนเลย

– รังนิค แนะนำให้บอร์ดบริหารเลิกนิสัยซื้อนักเตะบิ๊กเนม เพื่อแก้ไขปัญหาระยะสั้นได้แล้ว และเขาบอกทีมงานในสโมสรว่า แกรี่ เนวิลล์ วิเคราะห์ถูกที่ว่าทีมทีมนี้มันแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว

– อารอน วาน บิสซาก้า, ฟิล โจนส์, เอริค ไบยี่ ไม่ดีพอสำหรับทีมต่อไป ส่วน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ มีปัญหาเรื่องความเด็ดขาดและการยืนตำแหน่ง

– แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลายเป็นแพะของความบรรลัยที่เกิดจากความไม่เอาไหนของเกมรับทั้งหมด แม้ไม่ควรรีบขายทิ้ง แต่รังนิค ก็มองว่าราคา 80 ล้านมันโคตรแพงเกินไปมาก

– การเซ็นสัญญากับ เอดินสัน คาวานี่ ที่อยู่ในช่วงปลายอาชีพ คือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เหมือนแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน ไม่ใช่แผนการที่ดีเพื่ออนาคตเลย

สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่แฟนบอลเห็นมานาน และเชื่อว่าเป็นจริง และมันก็น่าจะถูกยืนยันจากความเห็นของ รังนิค

พูดง่ายๆ ก็คือข้างในของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันผุพัง เน่าเฟะเต็มที

ซัมเมอร์นี้เกิดการเปลี่ยนแปลงเยอะ ทั้งฝ่ายบริหาร ทั้งตำแหน่งเกี่ยวกับการดูแลด้านฟุตบอล รวมถึงผู้จัดการทีมคนใหม่

แล้วก็แน่นอน ขุมกำลังจะมีการขยับขยายครั้งมโหฬารแน่นอน นักเตะขาออกต้องให้เยอะกว่าขาเข้า เพราะมีทั้งพวกหมดสัญญา พวกที่จะย้ายทีม และพวกที่จะโดนโละทิ้ง

การที่มองว่าคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว แต่มันมี บางทีจะได้ถือโอกาสทุบทิ้ง กวาดให้เรียบ แล้วสร้างใหม่ มันจะง่ายกว่าที่คอยซ่อมโน่น ปะนี่ อย่างที่ผ่านมา แล้วสุดท้ายก็พังไม่เป็นท่า เพราะรากฐานมันแย่มาตั้งแต่แรก

นักเตะมีทั้งชอบและไม่ชอบวิธีการของรังนิค แต่พูดตามตรงว่า มันก็เรื่องของเมิงแล้ว เพราะถ้าเอาใจ เกรงใจพวกนักเตะเดิมๆ มันจะไม่ได้เดินไปไหนเลย

ถ้าไม่พอใจรังนิค ไม่อยากทำตาม พอ เอริค เทน ฮาก เข้ามา ก็คงมีคนไม่พอใจอีก ไม่จบไม่สิ้น

อย่างน้อยวิธีการใหม่ แนวคิดใหม่ มันก็น่าสนใจกว่าที่จะวนอยู่กับของเดิมๆ

ดีเหมือนกันจะได้เห็นว่าวิธีการคิดใหม่ทำใหม่นับตั้งแต่วันนี้ จะเห็นเป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง

ส่วนเกมที่เหลืออีก 4 นัด ก็ไม่ต้องไปลุ้นอะไรมากแล้ว ให้มันจบๆ ไปจะได้หมดความทรมานกันเสียที

หวังว่ามันคงไม่ลากยาวต่อเนื่องไปถึงฤดูกาลหน้าก็แล้วกัน

รูปภาพ

Cheerball

แบ่งปัน