แรชฟอร์ด? ความล้มเหลวจากความไม่แน่นอนของแมนฯยู

32

เกิดอะไรขึ้นกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด? ความล้มเหลวจากความไม่แน่นอนของแมนฯ ยูไนเต็ด

เหตุใดอดีตดาวรุ่งตัวความหวังของทีมชาติอังกฤษ ถึงฟอร์มย่ำแย่อย่างหนักกับปีศาจแดงในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะตั้งแต่เข้าสู่ยุคของกุนซืออย่าง ราล์ฟ รังนิค

ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย จากข่าวลือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด กำลังพิจารณาอนาคตของเขากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างจริงจัง

ราล์ฟ รังนิค แสดงความชัดเจนว่าไม่ต้องการใช้งาน แรชฟอร์ด เป็นตัวหลักของทีม นับตั้งแต่เข้ารับงานคุมทัพปีศาจแดงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ก่อนที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะมาถึงจุดแตกหัก ในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เมื่อเขาถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง ทั้งที่ทีมไม่มีกองหน้าอาชีพอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ รวมถึง เอดินสัน คาวานี

และแม้ว่าจะได้โอกาสกลับมาลงตัวจริงในเกมต่อมากับท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ทว่าผลงานส่วนตัวของเขาก็ต้องถือว่าน่าผิดหวังอย่างยิ่ง

ดาวเตะวัย 24 ปี ได้สัมผัสบอลในเกมกับไก่เดือยทองเพียงแค่ 30 ครั้ง ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 67 โดยไม่มีสถิติการยิง, เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง หรือสร้างโอกาสลุ้นทำประตูแม้แต่ครั้งเดียว

แรชฟอร์ด อยู่ในฟอร์มที่ย่ำแย่มาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ความเร็วความปราดเปรียวอันเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา รวมถึงความเด็ดขาดในการสังหารประตูและสัญชาตญาณกองหน้า ล้วนหายไปทั้งหมดเมื่อเขาสูญเสียความมั่นใจไปแล้วโดยสิ้นเชิง

ตอนนี้เขากลายเป็นนักเตะที่มีปัญหาเรื่องการตัดสินใจในพื้นที่อันตราย และมักจะครองบอลไว้กับตัวเองนานจนเกินไป หรือมักจะเล่นยากในจังหวะที่ควรจะเล่นให้ง่าย ๆ อยู่เป็นประจำ ซึ่งก็ทำเอากุนซือของยูไนเต็ดอย่าง รังนิค หนักใจกับฟอร์มของ แรชฟอร์ด อยู่ไม่น้อย

รังนิค นั้นเคยผ่านประสบการณ์ในการปลุกปั้นดาวรุ่งมาแล้วมากมาย และเขาพร้อมจะช่วยให้ แรชฟอร์ด กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ควรจะเป็นได้อีกครั้ง

“สำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด นี่คือนักเตะอีกหนึ่งคนที่ผมจะยืนกรานและคอยหนุนหลังเขา เพื่อช่วยสนับสนุนและพัฒนาฝีเท้าของเขาต่อไป ผมจะทุ่มเทพลังงานทั้งหมด เพื่อช่วยให้เขาก้าวไปในเส้นทางที่ถูกที่ควรเหมือนกับที่นักเตะคนอื่นก้าวเดินไปพร้อมกับทีมตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา” รังนิค กล่าว

ทว่าการไม่ถูกการันตีตำแหน่งในทีมของ รังนิค อย่างชัดเจน ก็ทำให้ดูเหมือนว่า แรชฟอร์ด ไม่ค่อยจะให้ความไว้วางใจในตัวกุนซือรายนี้เท่าใดนัก

มีข่าวลือบางส่วนอ้างถึงแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ แรชฟอร์ด ซึ่งอ้างว่าแข้งรายนี้ต้องการความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของสโมสรในระดับหนึ่ง นี่คือข้อความที่ถูกส่งไปถึงบอร์ดบริหารของยูไนเต็ด และบางส่วนก็อ้างถึงความต้องการของเขา ที่ไม่อยากจะให้ รังนิค อยู่กับทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า

ไม่ว่าข่าวลือดังกล่าวจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าทำไม แรชฟอร์ด ถึงต้องการความชัดเจนกับอนาคตของทั้งตัวเองและสโมสร เพราะนี่คือฤดูกาลแห่งความไม่แน่นอนของเขา นับตั้งแต่ต้องพลาดลงสนามช่วง 2 เดือนแรกของฤดูกาลนี้จากปัญหาบาดเจ็บ ขณะที่เมื่อหายเจ็บกลับมาแล้ว ทีมก็ดันมีการเปลี่ยนแปลงกุนซือใหม่ ซึ่งทำให้เขาต้องปรับตัวหนักขึ้นยิ่งกว่าเดิม

เหตุผลหลักที่ทำให้ แรชฟอร์ด ฟอร์มตกต่ำอย่างต่อเนื่อง คือการขาดสมาธิ, ขาดความเด็ดขาด และการตัดสินใจที่เชื่องช้า เหมือนกับว่าเขานั้นมีปัญหาที่ยังคิดไม่ตกอยู่ภายในหัวตลอดเวลา

ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่านับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2022 เป็นต้นมา เขาแทบจะถูกเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นอยู่ทุกเกม จากการถูกส่งลงเล่นถึง 6 ตำแหน่ง และต้องเล่นในแผนการเล่นที่แตกต่างกันถึง 4 แผน

ไมว่าจะเป็นในยุคของ โอเล กุนนาร์ โซลชา หรือแม้กระทั่งในปัจจุบันกับ ราล์ฟ รังนิค ก็ยังไม่มีใครสามารถตอบได้อย่างชัดเจนเลยว่า ตำแหน่งที่ถนัดและเหมาะสมกับ แรชฟอร์ด มากที่สุดคือการลงเล่นตรงไหนกันแน่

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ตลอดเวลากว่า 3 ปีในยุคของ โซลชา นี่คือกุนซือที่ค่อนข้างประนีประนอมและผ่อนคลาย ทำให้การฝึกซ้อมไม่ค่อยมีความเข้มงวดเท่าใดนัก ซึ่งก็ทำให้มีข่าวลือว่า แรชฟอร์ด ถึงกับไปทวงถามกับ โซลชา โดยตรงเลยว่าต้องการใช้งานและพัฒนาตัวเขาอย่างไร

ในขณะที่ โซลชา ดูจะให้อิสระมากจนเกินไป ทว่าในยุคของกุนซือก่อนหน้านี้ทั้ง โชเซ มูรินโญ รวมถึงผู้ปลุกปั้นคนแรกในทีมชุดใหญ่อย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ก็มักจะจำกัดบทบาทการเล่นและวางกรอบให้เขาเล่นอย่างเข้มงวด

ไม่ใช่แค่ แรชฟอร์ด เท่านั้นที่เจอปัญหาการปรับตัวให้เข้ากับแบบแผนการเล่นของกุนซือในยุคต่าง ๆ แต่นักเตะคนอื่นก็เจอปัญหาไม่ต่างกันจากเขา จนทำให้สปิริตในทีมเริ่มจะสูญเสียไป และเริ่มมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเป็นกลุ่ม ๆ ภายในทีม

รูปภาพ

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือการที่ดาวรุ่งพรสวรรค์สูงอย่าง แรชฟอร์ด ต้องเติบโตมาในยุคที่สโมสรไม่มีความแน่นอน ทำให้การที่เขาจะต่อยอดฝีเท้าไปสู่ระดับท็อปได้นั้นค่อนข้างจะเป็นเรื่องยากไม่น้อย

แทนที่จะได้พัฒนามาเป็นนักเตะชั้นนำ และได้ก้าวมาเป็นตำนานคนต่อไปของสโมสรตามเส้นทางที่ควรจะเป็น กลับกลายเป็นว่าอนาคตของ แรชฟอร์ด กับสโมสรเริ่มจะไม่แน่นอนเสียแล้ว

เห็นได้ชัดว่าในช่วงหลัง รังนิค มักจะเลือกใช้งาน เจดอน ซานโช รวมถึง แอนโธนี อีแลงก้า เป็นตัวจริงในบทบาทแนวรุกทางริมเส้น ทำให้บทบาทส่วนใหญ่ของ แรชฟอร์ด คือการต้องนั่งรอโอกาสข้างสนาม

ปฎิเสธไม่ได้ว่าทั้งสองคนกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีกว่า แรชฟอร์ด อย่างชัดเจน ส่วนตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ในการที่จะเบียดรุ่นใหญ่อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ ลงสนาม

สุดท้ายแล้วสิ่งที่ แรชฟอร์ด ต้องการมากที่สุดในตอนนี้ คือการถูกใช้งานลงสนามอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในบทบาทใดก็ตาม

กระนั้นหากว่ากันตามตัวเลขสถิติ ก็ถือว่าเขายังทำผลงานได้ไม่ขี้เหร่นัก โดยข้อมูลจาก FBRef เปิดเผยว่า แรชฟอร์ด มีสถิติยิงประตูอยู่ที่ 0.58 ประตูต่อเกม

ขณะที่หากนำสถิติการผ่านบอลของเขาทุกฤดูกาลรวมกันทั้งหมด มาเทียบกับสถิติเฉพาะในฤดูกาลนี้ ก็ถือว่ายังลดลงไม่มากนัก โดยสถิติก่อนเริ่มฤดูกาลนี้ของเขาอยู่ที่ 75.6% ส่วนในฤดูกาลนี้ลดลงเหลือ 68.2%

แต่สถิติดังกล่าวก็พอจะบ่งบอกได้ว่า เขามีปัญหาในเรื่องการตัดสินใจจ่ายบอล และความแม่นยำในการจ่ายบอลก็ลดลงด้วย

เป็นไปได้ว่าในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี่ อาจถึงเวลาที่ แรชฟอร์ด ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตค้าแข้ง ว่าจะเลือกอยู่กับทีมต่อไป หรือย้ายออกไปเริ่มต้นใหม่กับที่อื่น

หนึ่งในเหตุผลที่ แรชฟอร์ด จะตัดสินใจอยู่ต่อ ก็อาจจะเป็นการที่ปีศาจแดงแต่งตั้งให้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน มาเป็นกุนซือคนใหม่แบบถาวร ซึ่งก็เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าทั้งคู่ต่างชื่นชอบและให้ความเคารพกันและกันเป็นการส่วนตัวอยู่ไม่น้อย

โปเช็ตติโน เป็นกุนซือที่ยึดมั่นในปรัชญาการเล่นฟุตบอลเกมรุกเป็นหัวใจหลัก และน่าจะหาทางลงตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับ แรชฟอร์ด ต่อยอดเพื่อพัฒนาฝีเท้าได้

แรชฟอร์ด ต้องการโค้ชที่เชื่อมั่นในตัวเขา ผู้ที่รู้ว่าเขาต้องการอะไร และทำให้เขาได้ลงเล่นในตำแหน่งเดียวที่ชัดเจนอย่างสม่ำเสมอ เขาจะสามารถกลับมาเป็นนักเตะที่ดีได้อีกครั้ง หากได้ร่วมงานกับโค้ชที่สามารถรีดศักยภาพทั้งหมดของเขาออกมาได้

แน่นอนว่าแฟนบอลยูไนเต็ดทั้งหลาย อยากจะเห็น แรชฟอร์ด โชว์ฟอร์มได้น่าตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง เหมือนกับช่วงแรกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ และหวังจะให้ แรชฟอร์ด ก้าวมาเป็นนักเตะระดับท็อปของพรีเมียร์ลีกได้แบบที่ควรจะเป็นตามเส้นทางที่ทุกคนคาดหวังในตัวเขา

และหากว่าถึงคราวที่ แรชฟอร์ด ต้องย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดไปจริง ๆ ก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายและถือเป็นความล้มเหลวของปีศาจแดงอย่างแท้จริง ที่ต้องทำเพชรเม็ดงามหลุดมือไป จากการดูแลได้ไม่ดีเพียงพอ

GOAL Thailand

รูปภาพ

แบ่งปัน