เมื่อเดอะแบกฟอร์มตก

40

[ บนอัฒจันทร์ฝั่งอีสต์สแตนด์ ตอน : เมื่อ เดอะ แบก ฟอร์มตก ]

หากจะพูดถึงตำแหน่งการเล่นของนักฟุตบอลในสนามที่สามารถกำหนดผลแพ้ – ชนะ ให้กับทีมได้ชัดเจน แฟนบอลโดยส่วนใหญ่ก็อาจจะนึกถึงตำแหน่งกองหน้าเบอร์ 9 ที่ถ้าเป็นดาวยิงระดับโลก ขอจังหวะคม ๆ แค่ครั้งเดียว ก็พลิกผลการแข่งขันให้กับทีมได้ แน่นอนว่าตำแหน่งเบอร์ 9 นั้นสำคัญ แต่ที่ดูเหมือนจะสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันในแนวรุก นั่นก็คือบทบาทของผู้เล่นตำแหน่ง “เพลย์เมคเกอร์” หมายเลข 10

ช่วงเวลา 3-4 ปีหลังจวบจนถึงปัจจุบันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตำแหน่งเบอร์ 10 ของทีมถูกจับจองไว้อย่างเหนียวแน่นด้วยผู้เล่นเพียงคนเดียวอย่าง “บรูโน่ แฟร์นันด์ส” ที่ถ้าหากไม่เจ็บไม่ตาย และไม่ใช่เกมที่ไม่ค่อยมีความหมาย ยังไงก็ได้ลงอย่างสม่ำเสมอ

เหตุผลที่เขาได้ลงเป็นตัวหลักที่เรียกได้ว่า “ไม่มีใครแทนได้” ของผู้จัดการทีมคนก่อนอย่าง โอเล่ โซลชา นั้น เพราะผลงานที่เขารังสรรค์ออกมาในสนามล้วน ๆ

ฤดูกาล 2019/2020 เขาย้ายมาจากสปอร์ตติ้ง ลิสบอน ในช่วงตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคม ตอนนั้นในตารางพรีเมียร์ ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด แข่งไปแล้ว 24 นัด กำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จมอยู่อันดับ 7 ของตารางคะแนน มีความสุ่มเสี่ยงที่จะไม่ติดอันดับ 4 ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลถัดไป

แต่พลันที่สโมสรคว้าตัวบรูโน่ แฟร์นันด์ส เข้ามาสู่ทีมเพื่อบัญชาการในเกมรุก เชื่อหรือไม่ว่า 14 นัดที่เหลือในลีก แมนฯ ยูไนเต็ดไม่แพ้ทีมใดอีกเลย ชนะ 9 นัด เสมอ 5 นัด ผลงานบรูโน่คือ ลงตัวจริง 14 นัด ยิง 8 ประตู แอสซิสต์ 7 ครั้ง ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นไปจบอันดับ 3 แบบหล่อ ๆ พร้อมทั้งเสียงสรรเสริญตามมาอีกมายมายว่า บรูโน่นี่แหละที่เข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับทีมอย่างแท้จริง มีอิทธิพลในผลงานของทีมยิ่งกว่าตอนได้ตัว เอริค คันโตน่า มาจากลีดส์เสียอีก

ฤดูกาลต่อมา บรูโน่ แฟร์นันด์ส ฟอร์มยิ่งเปล่งปลั่ง ยิงในพรีเมียร์ ลีกไป 18 ประตู แอสซิสต์ 11 ครั้ง ถ้ารวมทุกรายการสถิติอ่านว่า ยิง 28 ประตู แอสซิสต์ 17 ครั้ง ต้องบอกว่านี่คือสถิติที่สุดยอดมาก ๆ ของมิดฟิลด์ตัวรุกคนหนึ่งที่จะทำได้ใน 1 ฤดูกาล ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด จบอันดับ 2 ในลีกและได้รองแชมป์ ยูโรปา ลีก อีกต่างหาก ซึ่งมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผลงานที่บินสูงของแมนฯ ยูไนเต็ดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีส่วนเป็นอย่างมาก

แต่ปีนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป 23 นัดในพรีเมียร์ ลีก บรูโน่เพิ่งยิงไปเพียง 7 ลูก โดย 3 ลูกแรกมาจากการทำแฮตทริกในนัดแรกของฤดูกาลที่ถล่มลีดส์ไป 5 – 1 เท่ากับว่าอีก 22 นัดต่อไป เขาลั่นไกไปเพียงแค่ 4 ลูกเท่านั้น นอกจากประตูที่ทำได้จะลดลงอย่างฮวบฮาบแล้ว การแอสซิสต์ก็ดูจะมีปัญหาเมื่อตลอดทั้ง 23 นัด เขาแอสซิสต์ได้แค่ 5 ครั้งเท่านั้น ยังดีที่แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบแบ่งกลุ่มเขาแอสซิสต์ได้ 6 ครั้ง ทำให้สถิติโดยรวมก็ยังไม่แย่จนเกินไปนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าปีนี้ผลงานของบรูโน่ แฟร์นันด์ส ตกลงไปอย่างชัดเจน

และสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดอีกอย่างในฤดูกาลนี้ก็คือเขาจ่ายบอลเสียเยอะมาก แน่นอนว่าการเล่นตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ การจ่ายบอลแบบ ได้ – เสีย หรือ คิลเลอร์พาส คือสิ่งที่นักเตะในตำแหน่งนี้ต้องทำ แต่ฤดูกาลนี้ประสิทธิภาพการจ่ายบอลลักษณะนี้ของเขามันตกลงมาชัดเจน มันเลยสะท้อนไปยังผลงานโดยรวมของทีมด้วยที่ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ อยู่ แม้จะเปลี่ยนโค้ชแล้วก็ตามที

นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่ากังวล เพราะต้องยอมรับว่าบรูโน่คือตัวแบกทีมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอย่างแท้จริง ผลงานของทีมจะดีจะแย่ เขามีส่วนกำหนดผลการแข่งขันมากใครในทีม เพราะเขาคือคนสร้างโอกาสในเกมรุก ปีนี้หลายนัดเลยที่เขาเล่นไม่ออก ฟอร์มหลุด มันจึงส่งผลทำให้ทีมมีผลงานที่ไม่ดีตามไปด้วย นัดล่าสุดใน เอฟเอ คัพ ก็พลาดลูกที่ควรจะเข้า และยังคงจ่ายบอลเสียเยอะเหมือนเดิม ถึงแม้จะแอสซิสต์ได้ลูกนึงก็เถอะ แต่ถ้าเทียบกับมาตรฐานของเขาที่เคยเป็นมาจริง ๆ เขาก็ควรทำได้ดีกว่านี้

เข้าใจว่านักฟุตบอลคนหนึ่งจะให้ฟอร์มดีไปตลอดก็คงจะไม่ได้ มันก็ต้องมีช่วงฟอร์มหล่นหายกันบ้าง แต่กับบรูโน่ แฟร์นันด์สแล้ว หากเขายังไม่คืนฟอร์มในเร็ววัน อาการของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีแต่ทรงกับทรุดแน่นอน..!

…[“ ท่านชายในสายหมอก ”]…

แบ่งปัน