ถึงเวลา “เทรนด์โค้ชญี่ปุ่น” เฉิดฉายในฟุตบอลไทย?

30

“MADE IN JAPAN”
ถึงเวลา “เทรนด์โค้ชญี่ปุ่น” เฉิดฉายในฟุตบอลไทย ?
#แบกเป้ดูบอลไทย By #เก้นนิติพงษ์

อะไรก็ตามหากขึ้นชื่อว่าเป็น “เมด อิน เจแปน ” แน่นอนว่าสิ่งๆ นั้นส่วนใหญ่ย่อมต้องเป็นของที่มีคุณภาพ และมีมาตรฐานสูงเป็นแน่

ไม่เว้นแม้แต่ใน “โลกฟุตบอล”

สิ่งที่แฟนบอลบ้านเราเชื่อกันมาโดยตลอดก็คือ ฟุตบอลในแบบฉบับของญี่ปุ่นนั้นล้วนแต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพที่มาจาก “ระบบ”

ระบบที่ว่านั้นถูกหล่อหลอมมาจากสิ่งที่เบสิคที่สุดนั่นคือ การให้ความสำคัญกับ “เวลา” ที่สะท้อนให้เห็นถึงวินัย ความรับผิดชอบ และความเอาจริงเอาจังต่อหน้าที่ หรือสิ่งที่ทำอยู่

ยิ่งมาบวกกับเลือดความเป็นนักสู้ในแบบฉบับของอาทิตย์อุทัย ฟุตบอลในแบบของญี่ปุ่นจึงมีมาตรฐานที่สูงที่สุดชาติหนึ่งในเอเชีย และดีพอที่จะต่อกรกับทีมระดับโลกได้ เราจึงไม่แปลกในที่แข้งแดนซามูไรต่างตบเท้าพาเหรดเข้าไปค้าแข้งในลีกระดับแถวหน้าของโลกได้อย่างมากมาย

ในมุมของแฟนบอลบ้านเรา เราไม่ปฏิเสธว่า ญี่ปุ่น คือชาติต้นแบบที่เราอยากจะไปให้ถึงในเรื่องของฟุตบอล และอีกหลายๆ อย่าง

เราส่งออกนักเตะที่ดีที่สุดของเราไปค้าแข้งในเจลีก ท่ามกลางความภาคภูมิใจว่าเรามีนักเตะอยู่ในลีกที่ดีที่สุดในเอเชีย นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่า เราให้ความเคารพต่อมาตรฐานฟุตบอลญี่ปุ่นมากแค่ไหน

เช่นเดียวกับ “เฮดโค้ช” เลือดญี่ปุ่น…

เห็นได้ชัดเลยว่าบ้านเราเริ่มที่จะหันมาใช้บริการกุนซือจากแดนปลาดิบกันอย่างจริงจัง อาจจะด้วยความต้องการให้ทีมมุ่งเน้นพัฒนาที่ “ระบบ” ทั้งในเรื่องของแทคติก การฝึกซ้อมที่เอาจริงเอาจัง การบริหารจัดการ การให้ความสำคัญกับนักเตะสายเลือดใหม่ รวมไปถึงการเฟ้นหานักเตะที่เป็น “มืออาชีพ” จริงๆ
ชื่อของ อากิระ นิชิโนะ และมาซาทาดะ อิชิอิ คือสองชื่อที่ชัดเจนที่สุด…

ทั้งสองคนคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในวงการลูกหนังบ้านเรา โดยเฉพาะการตัดสินใจดึง อากิระ นิชิโนะ มารับบทบาทแม่ทัพ “ช้างศึก” ด้วยดีกรีอดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่น ชุดลุยศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ รัสเซีย

ชื่อของ เอกนิษฐ์ ปัญญา, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา หรือแม้แต่ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ล้วนแต่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในสีเสื้อทีมชาติไทยชุดใหญ่จากสายตาอันเฉียบแหลมของ นิชิโนะ และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนจากสถานะจาก อนาคต มาเป็น “ปัจจุบัน” ของทีมชาติไทยได้อย่างเนียนตาแน่ๆ

ข้ามมาที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้รังสรรค์ สมุทรปราการ ซิตี้ ให้กลายเป็นทีมที่ถูกแฟนบอลทั้งประเทศจับตาด้วยฟอร์มอันเอกอุ และสามารถต่อกรกับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในศึกไทยลีก 1 ได้อย่างเนียนตา ทั้งๆ ที่พวกเขาแทบจะไม่มีซูเปอร์สตาร์ทั้งไทย และต่างชาติเลยก็ว่าได้

เพราะด้วยปรัชญาที่เชื่อว่า ทุกๆ ตำแหน่งล้วนแต่เต็มไปด้วยความสำคัญ เปรียบเสมือนฟันเฟืองเล็กน้อยมากมายในเครื่องยนต์ที่ประสานการทำงานได้อย่างลงตัวจนสามารถทำให้รถพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้ ฟุตบอลในแบบของ อิชิอิ ก็เช่นเดียวกัน เจ้าตัวได้นำคำว่า “ระบบ” เข้ามาใช้ในการทำงาน โดยที่ทีมยังสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้ ด้วยฟันเฟืองที่มีประสิทธิภาพทุกชิ้น

ความชัดเจนในเรื่องของแผนการทำงานในแบบฉบับแดนอาทิตย์อุทัย ส่งผลให้ อิชิอิ ก้าวขึ้นมารับงานที่เรียกได้ว่ากดดันที่สุดในวงการลูกหนังบ้านเราอย่าง กุนซือทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ซึ่งแน่นอนว่าผลงานของยอดทีมจากแดนอีสานใต้ภายใต้การบัญชาของ อิชิอิ นั้นกำลังยอดเยี่ยมมากขึ้นเรื่อยๆ

นี่ยังไม่รวมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยที่ใช้บริการ มิโยะ โอกาโมโตะ ซึ่งล่าสุดกุนซือรายนี้กำลังจะพาทัพ “ชบาแก้ว” ดวลกับชาติบ้านเกิดอย่าง ญี่ปุ่น เพื่อคั่วตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกรอบสุดท้ายให้ได้ เช่นเดียวกับแชมป์ไทยลีกเมื่อซีซั่นที่แล้วที่ล่าสุดประกาศแต่งตั้ง มาโกโตะ เทกุระโมริ อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติญี่ปุ่นชุดอายุไม่เกิน 23 ปี และอดีตมือขวาของ อากิระ นิชิโนะ มารับตำแหน่งกุนซือ ยิ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของวงการลูกหนังไทยต่อเฮดโค้ชญี่ปุ่นนั้นสูงแค่ไหน

จากนี้ไป จะเป็นช่วงเวลาทองของโค้ชจากญี่ปุ่นในวงการลูกหนังบ้านเราหรือไม่ คำว่า “เทรนด์โค้ชญี่ปุ่น” จะมาแรงขึ้นแค่ไหน จะเฉิดฉายในวงการฟุตบอลไทยหรือไม่ ผลงานของทุกๆ คนนับตั้งแต่วินาทีนี้ไปจะเป็นคำตอบว่า เราจำเป็นต้องใช้โค้ช “MADE IN JAPAN” อีกรึเปล่า…

แล้วคุณหล่ะครับ คิดอย่างไรกับการเข้ามาของ “โค้ชญี่ปุ่น” ?
มาแชร์ไอเดีย และมุมมองกันครับ…

#เก้น #นิติพงษ์ยวนตระกูล ผู้จัดการสื่อสารการตลาด & มีเดีย หนุ่มเมืองเหนือไฟแรง : ผู้บรรยายฟุตบอล และบรรณาธิการกีฬา ที่คลั่งไคล้มนต์เสน่ห์ลูกหนังอย่างจริงจังโดยเฉพาะฟุตบอลไทย จนตัดสินใจยกหัวใจให้ “เกมลูกหนัง” เป็นตัวนำทางชีวิต

#ช้างศึก #TogetherAsOne #Thaileague #RevoThaileague #T1 #Thaileague2021 #ไทยลีก #รีโว่ไทยลีก #บอลไทย #ฟุตบอลไทย #ไทยลีก2021

แบ่งปัน